วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

แกเร็ธ เบล กับ แมนฯยู

แกเร็ธ เบล ตกเป็นข่าวหนาหูกับแมนฯยูอีกครั้ง ในช่วงหลังๆ โดยข่าวถึงกับออกมาว่า เบล ตกลงย้ายมาแมนฯยูเรียบร้อย ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่เป็นความจริง ... thumbnail 1 summary
แกเร็ธ เบล ตกเป็นข่าวหนาหูกับแมนฯยูอีกครั้ง ในช่วงหลังๆ โดยข่าวถึงกับออกมาว่า เบล ตกลงย้ายมาแมนฯยูเรียบร้อย ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่เป็นความจริง เป็นขายข่าวของสื่อมากกว่า ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ด้วยราคา 120 ล้านปอนด์อย่างที่เป็นข่าว ซึ่งถือว่าเยอะมาก ดีลนี้คงจะเกิดขึ้นยากพอสมควร แต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

ด้วยทีมในปัจจุบัน แมนฯยู ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อ แกเร็ธ เบล เลย เพราะในตำแหน่งเดียวกันมีทั้ง อังเคล ดิ มาเรีย อั๊ดนาน ยานาไซจ์ แอชชีย์ ยัง แม้กระทั้ง หลุยส์ นานี่ เงิน 120 ล้านปอนด์เอาไปซื้อตำแหน่งอื่น โดยเฉพาะซื้อกองหลังเสียดีกว่า

อย่างที่บอกไป ดีลนี้ใช่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้ามันจะเป็นไปได้มันมีเหตุปัจจัยเพียงอย่างเดียวคือ ตระกูลเกลเซอร์จะขายทีม!! ซึ่งการได้เบลมา จะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทีมอย่างมหาศาล โดยดูจากระยะหลัง ทั้ง เบล โรนัลโด้ แม้กระทั่ง เมสซี่ ก็ตกเป็นข่าวกับแมนฯยูมาแล้ว ประเด็นการขายทีมก็ดูมีมูลไม่ใช่น้อย

แม้ในตอนนี้ แมนฯยูในมือหลุยส์ ฟาน กัล จะกลับมาทำฟอร์มได้ดี และหุ้นของแมนฯยูก็กระเตี้องกลับมา หลังจากตกสุดขีดในยุคของ เดวิด มอยส์ แต่การไม่ได้เล่นแชมป์เปี้ยนลีก ก็ส่งผลอยู่บ้างเหมือนกัน

ซึ่งถ้าหากแมนฯยูไม่ได้เล่น ยูซีแอล อีกในปีนี้ ตระกูลเกลเซอร์คงคิดขายทีมแน่ และดีลแกเร็ธ เบล อาจจะมีความเป็นไปได้ แต่ดูแล้ว หลุยส์ ฟาน กัล ปลุกแมนฯยูขึ้นมาได้แน่นอน

แต่ถึงอย่างนั้น การได้เบลอาจจะมีข้อเสีย มากกว่าข้อดี คือ อย่างหนึ่งที่แมนฯยูต้องเตรียม นอกจากค่าตัวมหาศาลแล้ว ยังต้องหาตำแหน่งให้ เบล เล่นด้วย นั่นหมายถึง อังเคล ดิ มาเรีย ฮวน มาต้า หรือแม้กระทั่ง อั๊ดนาน ยานาไซจ์ อาจต้องย้ายออกจากทีมไป

ซึ่งดูกันตามจริง ทั้ง มาเรีย มาต้า ฝีเท้าไม่เป็นรอง เบล เลยด้วยซ้ำ นี่คือข้อเสีย ได้อย่างเสียอย่าง

เงิน 120 ล้านปอนด์ถ้าเอาไปซื้อ เบลจริงๆ นักเตะที่แฟนๆแมนฯยูอยากได้มากที่สุดอย่าง แมตต์ ฮุมเมิลล์ คงเป็นไปได้อยากที่ย้ายมา เพราะ ค่าตัว ฮุมเมิลล์ คงไม่ถูกๆอย่างน้อยๆ 30 ล้านปอนด์ สำหรับกองหลังแชมป์โลก

และนอกจาก ฮุมเมิลล์ ที่จะไม่ได้แล้ว เอล ติเกรราดาเมล ฟัลเกา ขวัญใจคนใหม่ของแฟนๆ อาจจะอยู่กับแมนฯยูเพียงฤดูกาลเดียว เพราะ ค่าตัวของเขาอยู่ที่ 50 ล้านปอนด์!!

เปรียบกัน 120 ล้านปอนด์ ได้ แกเร็ธ เบล เพียงคนเดียว แต่ถ้าไม่ซื้อเบล จะได้ทั้ง ฮุมเมิลล์ ฟัลเกา แถมยังเหลือซื้อสตาร์ดีๆได้อีกอย่างน้อย 1 คน คุ้มไม่คุ้ม ก็ดูเอาครับ ถ้าให้เดาใจ บอร์ดบริหาร เบล อยู่ในความคิดพวกเขาอยู่แล้ว แต่เป็นทางสุดท้ายของพวกเขาจริงๆ

แกเร็ธ เบล กับ แมนฯยู มีอยู่สองประโยคที่จะอธิบายได้ คือ เป็นไปได้ แต่ยากกับ ยาก แต่เป็นไปได้เลือกเอาจะใช้แบบไหน …….



วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557

5 อันดับกองกลางที่ดีที่สุดในเวลานี้

** บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2557** โกเก้ เจ้าของฉายา   “ นิว ชาบี ”   คนนี้คือ หัวใจหลักในแดนกลางของ แอตฯมาริด ในเวล... thumbnail 1 summary
**บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2557**

โกเก้

เจ้าของฉายา นิว ชาบี คนนี้คือ หัวใจหลักในแดนกลางของ แอตฯมาริด ในเวลานี้ ด้วยฟอร์มร้อนแรงทำให้ตอนนี้กลายเป็นตัวหลักของทีมชาติสเปนไปแล้ว โดยในปัจจุบัน ลงเล่นให้ แอตฯมาดริดในลาลีกา 13 นัด ยิง 1 ประตู แอสซิสต์ไปแล้ว 8 ลูก เปอร์เซ็นต์การจ่ายบอล 81.1% และนำเป็นจอมจ่ายบอลเยอะที่สุดใน ลาลีกา

โทนี่ โครส

1 ในกองกลางที่ดีที่สุดในโลก หลังจากย้ายมาร่วมทีม รีลมาดริด เขาก็กลายเป็นนักเตะที่ มาดริด ขาดไปไม่ได้แล้ว ในปัจจุบัน ลงเล่นในลาลีกา 13 นัด ยิง  1 ประตู แอสซิตส์ 6 ลูก และมีเปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลสูงถึง 93.5% เรียกได้ว่าเขาแทน ซาบี อลอนโซ่ ได้สบายๆเลย

ดิมิทรี ปาเยต์

จอมทัพฟอร์มแรง ของ โอลิมปิก มาแซกร์ ผู้พา โอเอ็ม นำเป็นจ่าฝูง ลีกเอิงอยู่ในขณะนี้ เรียกได้ว่า เขาคือ นักเตะฝรั่งเศสที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในเวลานี้ ด้วยผลงาน ลงเล่น 15 นัด ยิง 4 ประตู จ่าย 7 ลูก และเป็นนักเตะที่แอสซิสต์สูงที่สุดในลีกเอิงในตอนนี้ มีเปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลที่ 80.2 %

เควิน เดอ บรอยน์

1 ในกองกลางดาวรุ่งแห่งยุค ที่ไม่มีโอกาสได้ฉายแสงกับเชลซี ก่อนจะถูกปล่อยตัวให้ โวล์ฟบวร์ก และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเวลานี้ ด้วยผลงาน ลงเล่นทุกถ้วยในเวลานี้ 20 นัด ยิง 4 ประตู แอสซิสต์ไป 11 ลูก เปอร์เซ็นต์การจ่ายบอล 76.6 % นำเป็นอันดับ 1 ในการแอสซิสต์ของบุนเดสลีกาในเวลานี้

เชส ฟาเบรกัส

ด้วยสถิติในเวลานี้ นี่คือ กองกลางที่ดีสุดในปัจจุบัน ทั้งการจ่ายบอล ตัดบอล คุมเกม เชส ฟาเบรกัส กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิต ด้วยผลงานลงเล่นให้เชลซีทุกรายการ 19 นัด ยิง 2 ลูก แอสซิสต์ถึง 13 ลูก มีเปอร์การจ่ายบอล 88.7% เรียกได้ว่า เชลซีขาดใครก็ได้ แต่ขาด ฟาเบรกัส ไม่ได้!!!


วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

คุ้มมั้ย 59.7 ล้านปอนด์

ยังไม่ทันจะจบฤดูกาล จริงๆก็ยังไม่ถึงฤดูกาลด้วยซ้ำ เริ่มมีเสียงอืออึ่งหนาหูออกมาเรื่อยๆว่า เงิน 59.7 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 4 พันล้านบาท สำหรับค... thumbnail 1 summary

ยังไม่ทันจะจบฤดูกาล จริงๆก็ยังไม่ถึงฤดูกาลด้วยซ้ำ เริ่มมีเสียงอืออึ่งหนาหูออกมาเรื่อยๆว่า เงิน 59.7 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 4 พันล้านบาท สำหรับค่าตัว อังเคล ดิ มาเรีย ที่แมนฯยูจ่ายไป เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า

มันคงไม่ยุติธรรมกับ ดิ มาเรีย ถ้าเราจะมาวิจารณ์ว่าฟอร์มการเล่นของเขาคุ้มค่าตัวหรือไม่ เพราะเกมพรีเมียร์ลีกเพิ่งผ่านมาเพียง 13 นัด โดย ดิ มาเรีย ลงเล่น 9 นัด ทำ 3 ประตู แอสซิตส์ 6 ลูก หากดูจากภาพรวมแล้ว ถือว่าเขาทำผลงานได้ดีที่เดียวเลย

แล้วมันไม่คุ้มค่าตัวยังไง??

หากมองลึกลงไป ผลงานยิง 3 ประตูนั้นมาจาก 4 นัดแรกของ ดิ มาเรียที่ลงเล่น จากนั้น 5 นัดถัดมา เขาก็ยังไม่สามารถทำประตูได้อีก โดยเฉพาะในเกมใหญ่กับ เชลซีและแมนฯซิตี้ เขาทำผลงานไม่ดี พูดง่าย เล่นไม่ออก เสียงจุ๊บจิ๊บๆเรื่องไม่คุ้มค่าตัวนั้น จึงเริ่มมาตั้งแต่ช่วงนั้น

แต่เราๆคงลืมไปว่า อังเคล ดิ มาเรีย เป็น มิดฟิลด์!!! ไม่ใช่กองหน้า ตอนเล่นกับ รีล มาดริด ในลา ลีกา เขาก็มีค่าเฉลี่ยในการทำประตูอยู่ 5-7 ลูกต่อฤดูกาล ซึ่งถือว่าเป็นปกติของเขาอยู่แล้ว

หลายๆคนคงหลงประเด็นไป…

ดิ มาเรีย นั้นจุดเด่นของเขาไม่ใช่การทำประตูเลย แต่เป็นการมีส่วนร่วมกับเกม หลายๆจัวหวะหลายๆประตูของแมนฯยูในซีซั่นนี้ มักมีจุดเริ่มมาจากเขา หรือไม่เขาก็ต้องมีส่วนรวมด้วยเสมอ แม้สถิติ ดิ มาเรีย จะเป็นคนที่ผ่านบอลแย่ที่สุดในบรรดานักเตะเกมรุกด้วยกัน แต่เขาก็เป็นคนที่มีสถิติ สร้างโอกาสทำประตู เยอะที่สุดในทีม

อีก 1 ประเด็นที่ทำให้มีประเด็นไม่คุ้มค่าตัว ก็คือ การเอา ดิมาเรีย ไปเทียบกับ อเล็กซิส ซานเชซ ที่ย้ายมาร่วมทีมอาร์เซน่อลด้วยค่าตัวน้อยกว่ามาก 35 ล้านปอนด์ แล้วตอนนี้ยิงไปแล้ว 8 ประตู นี่ก็เป็นการหลงประเด็นอีกของนักวิจารณ์ทั้งหลาย เพราะ อเล็กซิส คือ กองหน้า!!!!!!!!!!!

แถมสถิติการทำประตูของ อเล็กซิส ก็เยอะกว่า ดิ มาเรีย มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่างที่เราเห็นมาสมัยพวกเขาอยู่ ลาลีกา ถามว่าเงิน 35 ล้านปอนด์เหมาะสมมั้ย แน่นอนราคานี้กำลังดีสำหรับ อเล็กซิส  แต่มองกันที่ตารางอันดับ ตอนนี้แมนฯยูอยู่เหนือกว่าอาร์เซน่อลนะครับ

พูดกันตรงๆ 59.7 ล้านปอนด์ มันก็แพงเกินไป ค่าตัวของเขาควรอยู่ในระดับ 40 ล้านปอนด์กว่ากำลังดี

แต่เวลานี้ ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะมาบอกว่า อังเคล ดิ มาเรีย คุ้มค่าเงิน เพียงแค่การเล่นไม่ออกกับทีมใหญ่ไม่กี่นัด ไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างในการไซโคเขา หากจบฤดูกาลแล้ว ดิ มาเรีย ฟอร์มไม่ดีจริงๆ ถึงตอนนั้นค่อยออกมาวิจารณ์ก็ไม่มีใครว่าอะไร

แต่สำหรับผม นับตั้งแต่ที่ อังเคล ดิ มาเรีย ลงเล่นนัดแรก แมนฯยูก็เหมือนกับถูกปลุกขึ้นมา ดูมีชีวิตชีวา เล่นกันดีขึ้นกว่าตอนที่ยังไม่มีเขา บอกตรงๆเงิน  59.7 ล้านปอนด์ แลกกับการ Boost แมนฯยูขึ้นมาใหม่ ผมถือว่าคุ้มค่ามากสุดๆและถ้าแมนฯยูจบฤดูกาลด้วยท็อปโฟร์

นั่นจะไม่เรียกว่า คุ้ม อย่างเดียว แต่มันคือ กำไร ด้วยซ้ำไป…….

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ดอร์ทมุนด์ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยน!

แพ้ไปแล้ว 8 จาก 13 นัดในลีก ใครจะเชื่อละครับนี่คือ เสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ เสือร้ายแห่งวงการในยุคนี้ คำถามคือ มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมถึงแพ้เล... thumbnail 1 summary

แพ้ไปแล้ว 8 จาก 13 นัดในลีก ใครจะเชื่อละครับนี่คือ เสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ เสือร้ายแห่งวงการในยุคนี้ คำถามคือ มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงแพ้เละเทะ กันแบบนี้

นักเตะเจ็บหรือ?

หากย้อนกลับไปดู ความพ่ายแพ้ทั้ง 8 นัด ตัวเล่นของดอร์ทมุนด์ ไม่ใช่ชุดที่ดีที่สุดของพวกเขาจริง แต่ใช่ว่าชุดที่ลงเล่นจะห่วยแตก ยังไงก็ยังดีกว่าทีมที่ชนะพวกเขาอยู่ดี ยิ่งนัดหลังๆตัวหลักก็กลับมาครบ ทั้ง อิลกาย กุนโดกัน มาร์โก รอยส์ เฮนริก เมอคิทายาน เต็มสตรีมก็ยังไม่ดีขึ้น

แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?

แต่มันน่าแปลกตรงที่ ฟอร์มห่วยบรม นั้นเกิดเฉพาะกับเกมลีก กลับกัน กับบอลถ้วย ทั้ง เดเอฟเบ โพคาล ทั้ง ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ดอร์ทมุนด์ชนะรวด โดยเฉพาะในยูซีแอล ชนะแบบสกอร์สวยหรูด้วย ชนะอาร์เซน่อล 2-0 อันเดอร์เลทช 3-0 กาลาตาซาลาย 4-0 เกมศูนย์ทั้งหมด มีนัดหลังที่เพิ่งแพ้อาร์เซน่อลไป

นักเตะดอร์ทมุนด์ ซีซั่นนี้ ก็ชุดเดิมจากรองแชมป์เมื่อซีซั่นที่แล้ว ขาดไปเพียงคนเดียว คือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้เริ่มคุ้นๆไหมครับว่าเหมือนทีมไหน ใช่ครับ ลิเวอร์พูลนั่นเอง!! ที่เสีย หลุยส์ ซัวเรซ ไป หากเทียบบทบาท เลวานดอฟสกี้ กับ หม่อมเหยิน เลวานดอฟสกี้ อาจจะไม่มีบทบาทในเกมรุกเท่ากับที่ ซัวเรซ ทำกับลิเวอร์พูล

แต่!!! ฟุตบอลชนะกันด้วยประตู

3 ฤดูกาลหลัง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือ ดาวซัลโวสูงสุดของ ดอร์ทมุนด์ และแต่ละฤดูกาลเขายิงเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 30 ประตู และหันกับมาดูฤดูกาลนี้ ดาวซัลโวของทีม คือ ปิแอร์ เอมเมอริก อูบาเมยัง 10 นัดในลีกยิงไปแค่ 3 ลูก ส่วนตัวตายตัวแทนของเลวานดอฟสกี้ อย่าง ชิโร อิมโมฟิเร่ เล่น 8 นัดยิง 2ลูก

ซึ่งยังห่างไกลกับ เลวานดอฟสกี้ มาก

ดอร์ทมุนด์ นั้นถือว่ากองกลางที่ไม่เป็น 2 รองใคร พร้อมจะทำเกมสวยได้เสมอ ทั้ง มาร์โก รอยส์ ชินจิ คากาวะ อิลกาย กุนโดกัน นูริน ซาฮิน เฮนริก เมอคิทายาน แต่ละรายความสามารถเหลือล้น ขาดแต่เพียง กองหน้า นักเตะที่มีอยู่พูดได้เลยว่า แทน เลวานดอฟสกี้ ไม่ได้ !!

แต่..มันมีจุดหักมุม ครับ

เรื่องกองหน้าเป็นเพียงปัญหานึงของ ดอร์ทมุนด์ แต่อีกหนึ่งปัญหาที่ไม่อาจมองข้ามได้นั้นคือ ถูกจับทาง!!! ใช่แล้วครับ แท็คติกของ เจอร์เก้น คลอปป์ ถูกจับทางได้แล้ว ดูได้เลยครับในแต่ละเกม

ดอร์ทมุนด์ ครองบอลบุกตามสไตล์ โดนสวนตูมเข้า ตูมเข้า คือ มันถูกจับทางได้จริงๆ แถม เจอร์เก้น คลอปป์ ก็ไม่อาจแก้เกมหรือหาแท็คติกที่จะทำให้ เสือเหลือง กลับมามีเขี้ยวเล็บอีกได้ด้วย ด้วยฟอร์มที่แพ้กาวรูดแบบนี้ หากเป็นสโมสรอื่น คงหาโค้ชใหม่กันไปแล้ว

แต่นั่นก็เป็นเพราะ เจอร์เก้น คลอปป์ ยังมีบุญเก่าที่สะสมไว้มาหลายปี แต่หากมองที่ตารางคะแนนบุนเดสลีก้าในปัจจุบัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ และมันคงถึงเวลาที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแล้วสำหรับ ดอร์ทมุนด์ และด้วยความที่เป็นทีมใหญ่ หากดอร์ทมุนด์ ยังคงรักษาสถิติแพ้เละเทะต่อไปอีก และยังมีผู้จัดการทีมชื่อว่า เจอร์เก้น คลอปป์ คุมทีมต่อ เราก็ต้องพูดเลยว่าบอร์ดบริหารดอร์ทมุนด์

    .......ใจหิน มาก........


วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ฮวน มาต้า กับอาถรรพ์เพลย์เมเกอร์ของแมนฯยู

**หมายเหตุ บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557**                 นับตั้งแต่แมนฯยูไนเต็ด ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของเกาะอังกฤษต... thumbnail 1 summary
**หมายเหตุ บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557**


                นับตั้งแต่แมนฯยูไนเต็ด ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของเกาะอังกฤษตลอดหลายปีที่ผ่านมา  ได้มีนักเตะมากหน้าหลายตาผ่านมาในสโมสรหลายต่อหลายคน มีทั้งประสบความสำเร็จ ทั้งล้มเหลว แต่มีตำแหน่งๆหนึ่งที่แม้ว่า นักเตะที่ย้ายมาร่วมทีมจะเก่งกาจปานใด ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จกับแมนฯยูได้เลย

                นั่นคือ เพลย์เมเกอร์




                ถ้ายังจำกันได้ แมนฯยู มีเพลย์เมเกอร์แท้ๆ น้อยคนมากและคนที่เป็นคนเปิดตำนานอาถรรพ์นี้ คือ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน  เซบ้า ย้ายมาร่วมทีมแมนฯยูในปี 2001 ด้วยค่าตัวมหาศาลมากในตอนนั้น 28.1 ล้านปอนด์ เซอร์อเล็กซ์ ยอมจ่ายเงินถึงขนาดนั้น เชื่อได้ว่า นักเตะคนนี้ต้องเก่งแน่ๆ

                ในตอนนั้น เวรอน ถือได้ว่าเป็นกองกลางพรสวรรค์คนนึงใน เซเรีย เอ เซอร์อเล็กซ์ ถึงกับเปลี่ยนแผนการเล่นมาใช้ 4-5-1 เพื่อหวังให้เขามายืนกลางคู่กับ รอย คีน เพื่อที่จะดัน พอล สโคลส์ ขึ้นไปเล่นหน้าต่ำยืนหลัง รุด ฟาน นิสเตอรอย

ตลอด 2 ฤดูกาล เวรอนไม่สามารถโชว์ฟอร์มเทพสมัยเล่นในเซเรีย เอ ได้เลย เพราะการไปเล่นเป็น มิดฟิลด์ตัวกลางนั้นผิดธรรมชาติของเขาอย่างมาก เพราะเขาเป็นนักเตะที่เล่นช้า ต้องการพื้นที่เล่น เหมาะกับการเล่นเพลย์เมเกอร์มากกว่า มิลฟิลด์ตัวกลาง แถมสไตล์การเล่นก็คล้ายกับ พอล สโคลส์ อีก เล่นทับไลน์กันพูดง่ายๆ

อย่างที่รู้ๆกัน เกมรุกแมนฯยูสมัยเซอร์อเล็กซ์ เล่นกันเร็วและน้อยจังหวะ นักเตะช้าๆอย่างเวรอนจึงโชว์ฟอร์มไม่ออก นึกถึง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ก็เป็นอย่างเดียวกัน หลังจากโชว์ได้ไม่ดี เวรอน ก็ถูกขายให้เชลซีในปี 2003

หลังจากนั้น แมนฯยูก็ร้าง เพลย์เมเกอร์ไปอีกหลายปี จนกระทั้งปี 2007 เซอร์อเล็กซ์ เสริมทัพครั้งใหญ่ถึง 4 ราย และ 1 ในนั้นก็มี  นิว โรนัลดินโญ แอนเดอร์สัน วันเดอร์คิดจาก เอฟซี ปอร์โต้

แอนเดอร์สัน ได้รับการยกยอมาก ถึงขนาดที่ว่า มาริโอ ซากาโล่ ตำนานโค้ชผู้พาบราซิลเป็นแชมป์โลก ออกมากล่าวว่า  “Everything suggests that he is going to be a superstar, a prodigy as he has indisputable qualityประมาณว่า ด้วยหลายเหตุหลายปัจจัยเชื่อได้ว่า เขาจะก้าวเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้แน่นอน  ความสารถของเขาไม่เป็นที่ข้องสงสัย

ในเวลานั้นคำกล่าวนี้ไม่น่าที่เกินจริงมากนัก เพราะ ในตอนนั้นเขาคือ ดาวรุ่ง ที่น่าจับตามองคนนึงในยุโรป แต่เมื่อย้ายมาแมนฯยู เขาก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับ เวรอน ถูกความเร็วของฟุตบอลอังกฤษเล่นงาน แม้ฤดูกาลแรกเซอร์อเล็กซ์จะประคบประหงมให้โอกาสมากมาย แต่เขาไม่สามารถฉายแวว นิว โรนัลดินโญ ได้อีกเลย

ก่อนถูกอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยๆ จนกลายเป็นส่วนเกินของทีมไปในที่สุด และที่สำคัญไม่มีสโมสรไหนพร้อมจะรับตัวเขาไปเล่นด้วยอีกเลย กลับกันถ้าเขาเลือกย้ายไปสโมสรที่ไม่ใช่ในอังกฤษ ในตอนนี้เราอาจจะได้เห็น กองกลางขั้นเทพ อีกคนก็ได้

และนักเตะตำแหน่งเพลย์เมเกอร์คนล่าสุดที่ มาล้มเหลวก็แมนฯยู ก็คือ ชินจิ คากาวะ ก่อนจะย้ายแมนยู คากาวะ ทำผลงานกับดอร์ทมุนด์ได้ดีมาก พาดอร์ทมุนด์เป็นแชมป์บุนเดสลีกามา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงไม่รอช้าพลาดโอกาสซ้ำสองเหมือน เมซุต โอซิล เขาจัดการซื้อ คากาวะ มาร่วมทีม

ในตอนนั้น แมนฯยูมีข่าวกับทั้ง ลูคัส มูร่า เอเดน ฮาซาร์ หรือ เวสลีย์ ชไนจ์เดอร์ แต่แล้วก็เป็น ชินจิ คากาวะ ที่เซอร์ อเล็กซ์ เลือกคว้ามาร่วมทีม

คากาวะ มีทักษะทุกอย่างแบบที่เพลย์เมเกอร์เก่งๆควรจะมี ก็จ่ายบอลแบบคิลเลอร์พลาส หรือการหาตำแหน่งการยืน การหาช่องยิง ในตอนเล่นกับดอร์ทมุนด์ เขาเล่นเป็นเพลย์เมเกอร์ แต่เมื่อมาแมนฯยูเขาถูกโยกไปเล่นเป็นปีกซ้ายอยู่บ่อยครั้งทำให้ ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเทพออกมาได้

ยิ่งฤดูกาลที่ 2 กับแมนฯยูเขายิ่งไม่มีโอกาสลงสนาม เนื่องจากไม่เป็นที่ชื่นชอบของ เดวิด มอยส์ และสถานการณ์ของเขาก็ยิ่งเลวร้ายลงไปยิ่งอีก เมื่อ ฮวน มาต้า ย้ายมาร่วมทีม เท่ากับว่าทับตำแหน่งกับเขาเต็มๆ

และเมื่อ หลุยส์ ฟาน กัล เขามาคุมทีมแมนฯยู ชินจิ คากาวะ ก็ถูกขายกลับไปให้กับดอร์ทมุนด์อีกครั้ง โดย ฟานกัล กล่าวว่าเหตุผลที่เขาขายคากาวะทิ้งว่า ชินจิไม่ได้เล่นตามปรัชญาของเขาคากาวะจึงต้องกับไปอยู่ในที่ๆดีที่สุดของเขา คือ ดอร์ทมุนด์

มาถึง เพลย์เมเกอร์ รายล่าสุดของทีมที่กำลังอยู่ในสถานการณ์เดียวกับรุ่นพี่ที่ผ่านมา ฮวน มาต้า อดีตนักเตะแห่งปีของเชลซี 2 สมัย ความจริง ฮวน มาต้า น่าจะเป็นเพลย์เมเกอร์ที่ประสบความเร็จกับแมนฯยูได้ไม่ยาก เพราะเขาทำได้ดีกับเชลซีมาก่อน และไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยกับฟุตบอลอังกฤษ

ในช่วงแรกที่ย้ายมาร่วมทีม เขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงเกือบทุกนัด ในยุคของ เดวิด มอยส์ ปีกซ้ายบ้าง ตัวรุกบ้าง สลับกันไป โดยครึ่งซีซั่นแรกลงเล่น 15 นัด ยิง 6 ลูก จ่ายอีก 4 ถือว่าเริ่มต้นได้อย่างดี

ถัดมาฤดูกาลนี้ ฤดูกาลที่2ของเขากับแมนฯยู ทำท่าจะเริ่มต้นได้ดี เพราะในช่วงนัดอุ่นเครื่อง เขาทำลงานได้ดีและเป็นตัวหลักของทีม ยิ่ง ฟาน กัล ขาย คากาวะ ตำแหน่งของเขาจึงมีตัวเลือกคือ เขาเพียงคนเดียว แต่แล้ว วันสุดท้ายของตลาด คือจุดเปลี่ยน เมื่อ ราดาเมล ฟัลเกา ถูกยืมตัวมา

ทำให้ ฮวน มาต้า ต้องหลีกทางให้ เพราะ ฟาน กัล ต้องการใช้ รูนีย์ เป็นหน้าต่ำ แล้วให้ ฟัลเกา จับคู่กับ ฟาน เพอร์ซี่ มาต้าจึงต้องนั่งตบยุง

แม้สถานการณ์ของ มาต้า ในตอนนี้จะไม่สู้ดี แต่เราต้องดูกันยาวๆ เพราะ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ในตอนนี้โชว์ฟอร์มไม่ออกมาหลายนัด ฟาน กัล อาจจะมีการดรอป และให้โอกาส มาต้า บ้างในนัดถัดๆไป หรือนักเตะอย่าง ราดาเมล ฟัลเกา ซึ่งเจ็บบ่อย ทีมอาจไม่ซื้อขาด

เชื่อว่านัดไปนี้ที่จะเล่นในบ้าน 2 นัด ฟาน กัล ต้องเล่นเกมรุกเต็มสูบแน่นอน และน่าจะเป็นโอกาสของนักเตะเกมรุกอย่าง ฮวน มาต้า ได้ลงเล่นบ้าง แต่ถ้าไม่ท้ายฤดูกาลหรือตลาดเดือนมกราคมนี้ เราอาจได้เห็น ฮวนมาต้า ย้ายออกจะทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



และอาถรรพ์ เพลย์เมเกอร์ ของแมนฯยูก็จะรอวันถูกทำลายต่อไป…..





               


วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ยอดกองหน้าที่มาสิ้นลาย ณ สแตมฟอร์ด บริดจ์

นับตั้งแต่ เสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์ เชลซี เมื่อปี 2003 ก็ได้ซื้อนักเตะมากหน้าหลายตา ย้ายเข้ามาสู่ เชลซี หลายต่อหลายคน ห... thumbnail 1 summary


นับตั้งแต่ เสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์ เชลซี เมื่อปี 2003 ก็ได้ซื้อนักเตะมากหน้าหลายตา ย้ายเข้ามาสู่ เชลซี หลายต่อหลายคน หลายตำแหน่ง กองหลัง กองกลาง ผู้รักษาประตู แต่ตำแหน่งที่ถือว่า เป็นสีสันและอาธรรพ์ ในการซื้อตัวของเชลซีมาตลอด คือ กองหน้า ที่มักมีนักเตะมาทิ้งชื่อไว้ที่นี่ ล้มเหลว กันหลายคนอยู่เหมือนกัน

Stamford Bridge

Adrian Mutu

ปี 2003 เสี่ยหมีเข้ามาเทคโอเวอร์ พร้อมกับเงินถุงเงินถัง เขากวาดซื้อนักเตะมาถึง 14 รายในปีนั้น และ 1 ในนักเตะคนนั้น คือ กองหน้าดาวรุ่งฟอร์มร้อนของปาร์ม่า รองดาวซัลโวเซเรีย เอ ในตอนนั้น อาเดรียน มูตู เขาถือว่าเป็นการซื้อมาทดแทน การจากไปของ จิอันฟรังโก โซล่า ตำนานของทีมที่ย้ายออกไป แต่เขาก็ไม่ประสบความสำเร็จ มีปัญหาในการปรับตัว ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 25 นัด ยิงได้พียง 6 ประตู แถมโดนตรวจพบว่าเสพโคเคน ทำให้ถูกแบบ 7 เดือน ก่อนจะย้ายไปเล่นให้ยูเวนตุส ในปีถัดไป


Hernán Crespo

เครสโป คือ 1 ใน 14 นักเตะที่เสี่ยหมีซื้อเข้ามาในปี 2003 เช่นเดียวกับ อาเดรียน มูตู ความจริงเชลซีติดต่อขอซื้อ คริสเตียน วิเอรี่ จาก อินเตอร์ มิลาน ก่อนแต่ไม่เป็นผล จึงหันมาล่า เฮอร์นัน เครสโป และก็สมใจด้วยราคา 16.8 ล้านปอนด์ ด้วยชื่อที่สั่งสมมานาน เรียกได้ว่าเป็นกองหน้าเวิร์ดคลาส ในขณะนั้น แต่ทว่าผลงานของเขากับเชลซี ไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่ควรเป็น ลงเล่นในลีกเพียง 19 นัด ยิง 10 ประตู ก่อนจะถูกยืมตัวไป เอซีมิลาน ในฤดูกาลถัดไป และ กลับมาเล่นให้เชลซีอีก 1 ฤดูกาล ก่อนถูกขายขาดให้ อินเตอร์ มิลาน ในที่สุด


Mateja Kežman

มาเตย่า เคซมัน ย้ายมา เชลซี ในปี 2004 ปีแรกแรกกับที่ โซเซ่ มูริญโญ่ คุมทีมครั้งแรก เคซมัน ย้ายมาจาก พีเอสวี ไฮไฮเฟ่น พร้อม อาเยน ร็อบเบน สำหรับ เคซมัน  ในตอนนั้นเขาคือ กองหน้าฟอร์มที่สุดคนนึงของยุโรป ยิงเกิน 30 ประตูในลีกฮอลแลนด์ถึง 2 ฤดูกาลติด ทำให้เชลซีซื้อตัวเขาเข้ามา แต่ก็อีกเช่นกัน พอย้ายมาเชลซี เขาเล่นไม่ออกไม่เหลือลายกองหน้าดาวยิง ลงเล่นให้ เชลซีในลีก 25 นัด ยิงเพียง 4 ประตู ก่อนจะถูกปล่อยให้ แอตฯมาดริด ในฤดูกาลถัดไป


Andriy Shevchenko

นี่ 1 ในการซื้อตัวที่ล้มเหลวที่สุดของเชลซี อังเดร เชฟเชนโก้ ย้ายมาร่วมทีมเชลซี ในปี 2006 ด้วยค่าตัว 30.8 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 43 ล้านยูโร ความจริงในปี 2005 โรมัน อับราโมวิช เคยยื่นข้อเสนอเป็นสถิติโลกในตอนนั้น 75.2 ล้านยูโรบวกกับเครสโปให้ มิลาน แต่ถูกปฏิเสธ ในตอนนั้น เชฟเชนโก้ คือกองหน้าระดับเวิล์ดคลาส ยิงพามิลานเป็นแชมป์มาหมดทุกแชมป์ แต่การย้ายมาเชลซี คือการมาฆ่าตัวตายของเขา ชื่อเสียง ดาวซัวโวเซเรีย เอ 2 สมัย ,เจ้าของบังลงดอร์ 1 สมัย ฯลฯ หายหวับไปกับตา ฤดูกาลแรก เล่นในลีก 30 นัด ยิง 4 ลูก ฤดูกาลที่สอง ลงในลีก 17 นัด ยิง 5 ลูก สิ้นลายกองหน้าไปอีก 1 ราย


Fernando Torres

แล้วก็มาถึง การย้ายทีมครั้งประวัติศาสตร์อันเป็นตำนานของพรีเมียร์ลีก วันที่ 31 ม.ค. 2554 เชลซีทุ่มเงิน 50 ล้านปอนด์ซื้อตัว เฟอร์นันโด ตอร์เรส จากลิเวอร์พูล 1ในดาวยิงที่น่ากลัวที่สุดในยุโรปในขณะนั้น ด้วยเม็ดเงิน 50 ล้านปอนด์ เชลซีหวังผลตอบแทนด้วย ประตูเป็นกอบเป็นกำจากเขา แต่ทว่ากับตรงกันข้าม ตลอด 3 ปีครึ่ง ใน เดอะ บริดจ์ เขายิงในพรีเมียร์ลีก แค่ 20 ประตูจากการลงสนาม 110 นัด ซึ่งถือนี่คือการซื้อนักเตะที่ขาดทุนย่อยยับของเชลซี และของ เสี่ยหมี อีกครั้ง แต่ในแง่ความสำเร็จส่วนตัว ของ ตอร์เรส เขามาเชลซี เพื่อหวังถ้วยแชมป์ และเขาก็สมหวัง ได้ทั้ง ยูซีแอล ยูโรป้า เอฟเอ คัพ ตามที่ปรารถนา และเขาอาจจะเป็นกองหน้าที่มาสิ้นลายที่เชลซี เพียงคนเดียวที่ประสบความสำเร็จ



วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

5 กองกลางดาวรุ่งแห่งอนาคต

Marco Verratti  มาร์โก แวร์รัตติ “New Pirlo” คือฉายาของเขา มาร์โก แวร์รัตติ 1 ในกองกลางดาวรุ่ง ผู้เป็นความหวังใหม่ของ ทีมขาต... thumbnail 1 summary



Marco Verratti 
มาร์โก แวร์รัตติ

“New Pirlo” คือฉายาของเขา มาร์โก แวร์รัตติ 1 ในกองกลางดาวรุ่ง ผู้เป็นความหวังใหม่ของ ทีมขาติอิตาลี การยืนตำแหน่ง ลีลาการผ่านบอล ถอดแบบมาจาก อันเดรีย ปีร์โล่ และตอนนี้เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลัก ของ PSG เรียบร้อยด้วยผลงาน 10 นัดในลีก แอสซิตส์ 4 เปอร์เซ็นต์การผ่านบอล 92.6 %

James Ward-Prowse

เจมส์ วอร์ด พราวส์

1 ในกองกลางแห่งอนาคตของทีมชาติอังกฤษ เล่นได้ทั้ง มิดฟิลด์ตัวกลาง กองกลางตัวรุก และออกไปเล่นด้านขวาได้ด้วย เขาเป็นกองกลางพรสวรรค์ของอังกฤษในยุคใหม่ เขามีดีที่การเปิดบอล,เล่นลูกนิ่ง และสามารถคุมเกมแดนกลางได้ดีเช่นกัน บางทีเขาอาจจะเป็น เดวิด เบ็คแฮม คนใหม่ก็ได้


Mateo Kovacic

มาเตโอ โควาซิช

กองกลาง ดาวรุ่ง จากโครเอเชีย ด้วยวัยเพียง 20 ปี เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ อินเตอร์ มิลาน และทีมชาติ โครเอเชีย เรียบร้อยแล้ว แถมฟอร์มกับอินเตอร์ในฤดูกาลนี้ เขาเคยเป็นข่าวกับแมนฯยูไนเต็ด ด้วยสไตล์การเล่นคล้ายกับ โทนี่ โครสโดยซีซั่นนี้ ยิงไปแล้ว 2 ลูก แอสซิตส์ไป 1 ครั้ง

Pierre-Emile Höjbjerg

ปิแอร์ เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก

กองกลางลูกรักของ เป็ป กวาดิโอลาร์ ต้องเรียกอย่างนั้น ด้วยเพียง 19 ปี เขาก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ บาเยิร์น มิวนิค และได้รับโอกาสลงสนามอยู่เรื่อยๆ ด้วยสไตล์การเล่นที่ผ่านบอลแม่นย่ำ ยิงไกลได้ดี และยิงมีรุ่นพี่อย่าง บาสเตียน ชไวสไตรเกอร์ คอยเป็นต้นแบบแล้ว เขาคือ 1 ในกองกลางที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง



Leon Goretzka
เลออน โกเร็ตซ์ก้า

ดาวรุ่งเลือด ดอยซ์ จาก ชาลเก้04 เมื่อฤดูกาลที่แล้วเขาได้รับโอกาสลงตัวจริง 25 นัดในเกมลีก ทำให้ถูกเรียกติดทีมชาติเยอรมันในช่วงเก็บตัวฟุตบอลโลก ก่อนถูกตัดชื่อในภายหลัง ด้วยวัย 19 ปี เขาได้เป็นตัวจริงให้กับ ชาลเก้04 แม้ฤดูกาลจะเจ็บยาว แต่เขาก็ยังเป็น 1 ในกองกลางดาวรุ่งแห่งยุโรปคนนึง 

*** NEW คลิกเลย >> 6 นักเตะ ดาวรุ่งที่น่าจับตามองในยูโร 2016 ***

**บทความนี้เขียนเมื่อ 10/11/57**