วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

4 ดาวรุ่งแห่งยุโรป (ลีกรอง)

ยังคงมีดาวรุ่งอีกหลายรายที่หลบซ่อนตัวอยู่ตามลีกต่างๆทั่วยุโรป และรอคอยเหล่าแมวมองทีมใหญ่ๆในยุโรปไปเชื้อเชิญให้มาแจ้งเกิด ในปี 2016 นี้ P... thumbnail 1 summary
ยังคงมีดาวรุ่งอีกหลายรายที่หลบซ่อนตัวอยู่ตามลีกต่างๆทั่วยุโรป และรอคอยเหล่าแมวมองทีมใหญ่ๆในยุโรปไปเชื้อเชิญให้มาแจ้งเกิด ในปี 2016 นี้



Pione Sisto

   ดาวรุ่งจากเดนมาร์กเชื้อสายอูกันด้า รายนี้เป็นที่จับตามองของยักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่าง บาร์เซโลน่า ยูเวนตุส ดอร์ทมุนด์ และ อาร์เซน่อล เล่นได้ทั้งปีกซ้ายและขวา ด้วยวัยเพียง 19 ปี แต่ก็ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2014 ของสมาคมฟุตบอลเดนมาร์กมาแล้ว อีกไม่นานเกินรอคงได้เสร็จทีมยักษ์ใหญ่เป็นแน่



Youri Tielemans


   วันเดอร์คิดของเบลเยี่ยม 1 ในดาวรุ่งที่มีอนาคตสดใสที่สุดในยุโรป เล่นในตำแหน่งกองกลาง และแทบจะนับสโมสรที่จับตาดูว่าที่กลางเบอร์ 1 ของยุโรปไม่หมด บาเยิร์น มิวนิว แอตฯมาดริด เชลซี ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล ฯลฯ เรียกได้ว่าเขาสามรถเลือกสโมสรที่จะย้ายได้เลย 



Aleksandar Mitrovic


   ศูนย์หน้าดาวรุ่งสไตล์คลาสสิกที่หาได้ยากในปัจจุบัน มีจุดเด่นทั้งการจบสกอร์และลูกกลางอากาศ การันตีด้วยตำแหน่งดาวซัลโวซีซั่นล่าสุดของ เบลเยี่ยมโปรลีก ด้วยวัยเพียง 20 ปี แต่เป็นที่หมายปองของบรรดายักษ์ใหญ่ ทั้ง แมนฯยู เชลซี โรม่า และล่าสุดย้ายมา นิวคาสเซิล แบบเซอร์ไพรซ์ไม่น้อย



Jetro Willems


   แบ็กซ้ายดาวรุ่งของอาแจ๊กซ์ อัมสเดอดัม ทีมชาติฮอลแลนด์รายนี้ ปัจจุบันอายุ 21 ปี แต่ติดทีมชาติตั้งแต่อายุ 19 ปี มีทักษะทุกอย่างที่ผู้เล่นตำแหน่งแบ็กควรจะมี จุดเด่นที่การทำเกมทางกราบซ้าย ล่าสุดเป็นผู้เล่นที่แอสซิสต์มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ เอดิวิซี่ลีก ที่ 13 แอสซิสต์





วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

มูรินโญ เริ่มออกอาการ

เมื่อไม่กี่วันมานี้ โชเซ่ มูรินโญ ออกมาให้สัมพาษก์ แนวเหน็บแหนมทีมคู่แข่งว่า "ใช้เงินซื้อความสำเร็จ" ทำให้สดุ้งกันเป็นแถว เรียกว่า... thumbnail 1 summary
เมื่อไม่กี่วันมานี้ โชเซ่ มูรินโญ ออกมาให้สัมพาษก์ แนวเหน็บแหนมทีมคู่แข่งว่า "ใช้เงินซื้อความสำเร็จ" ทำให้สดุ้งกันเป็นแถว เรียกว่าเป็นการเปิดศึกกันตั้งแต่ซีซั่นยังไม่เริ่มเลยทีเดียว

มองดูทีมคู่แข่งลุ้นแชมป์ด้วยกัน

แมนฯยู นี่ทุ่มของจริงปีที่แล้ว 150 ล้านปอนด์ ปีนี้ก็ไปแล้ว 80 กว่าล้านปอนด์

อาร์เซน่อล 2 ปีที่แล้ว เวงเกอร์ช็อคตลาดด้วยการทุ่มซื้อ เมซุต โอซิล ปีที่ผ่านมาก็ อเล็กซิส ปีนี้แว่วๆจะเป็น คาริม เบนเซม่า

ลิเวอร์พูล 7 รายหน้าใหม่กับเงิน 67 ล้านปอนด์ในซีซั่นนี้

แมนฯซิตี้ มาเงียบๆเพียงแค่ ราฮีม ก็ปาเข้าไป 50 ล้านปอนด์ ยังไม่รวม เควิน เดอ บรอยน์ อีก
ที่ฮึ่มๆจะเอา

ในบรรดาทีมคู่แข่งเชลซี คาดการณ์ปิดตลาดซื้อ-ขาย เบ็ดเสร็จคงใช้เงินทีมละไม่ต่ำกว่า 50 ล้านปอนด์ นี่จึงทำให้ เฮียมู ออกมาว่าทีมเหล่านี้ใช้เงินซื้อความสำเร็จ ต่างจากทีมของเขาที่ซีซั่นนี้ ยังไม่ได้ออกแอ็คชั่นอะไรมากมาย นอกจาก อัสเมียร์ เบโกวิช และสองดาวรุ่งอย่าง นาธาน และ ดานิโล แพนทิช 3 คนเท่านั้น  เกือบลืม ราดาเมล ฟัลเกา ที่ยืมตัวมา รวมแล้วใช้เงินไป 14 ล้านปอนด์เท่านั้น

ถามว่า เชลซี สามารถทุ่มเงินแบบทีมคู่แข่งได้ไหม ทุกคนก็รู้ว่า ได้!!! ปัญหา คือ ทำไม่ได้!!! ไม่ใช่ ติดกฏการเงินหรืออะไร แต่ไม่รู้จะซื้อมาทำไมเท่านั้นเอง

มองดูที่ 11 ตัวจริงของเชลซี ลงล็อค ลงตัว ทุกๆตำแหน่งไล่ตั้งแต่โกล์ไปจนถึงกองหน้า ไม่ว่าจะหาใครมาก็อยากที่จะแทรกลงได้ พูดง่ายๆ "ตัน" จะซื้อใครมาก็ไม่ได้ทำให้ประสิทธิเชลซีเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ ยกเว้นนักเตะอย่าง เมสซี่ โรนัลโด้ เนย์มาร์ ซึ่งเกือบจะไม่มีทางเป็นไปได้

มีแต่ต้องขายออกตัวอย่าง ปีเตอร์ เช็ค เฟลิปเป้ หลุยส์ ที่สามารถเป็นตัวจริงให้ทีมระดับท็อปได้อย่างสบายๆเลย

เชลซี ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ รักษามาตรฐานตัวเองและ "รอ" ให้ทีมคู่แข่งตามมาทันเท่านั้นเอง

และทีมคู่แข่งก็ตามขมักเขม้นเสริมทีมให้ตามทันเชลซี ด้วยเหตุนี้ อาจกลายเป็นความกังวัลให้ มูรินโญ ออกมาแขวะเสียหน่อย เล่นจิตวิทยากันตั้งแต่ยังไม่เริ่ม โดย ที่เขาคงจะลืมไปว่า......2 คีย์แมน ที่ทำให้เชลซีเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก

ดีเอโก คอสต้า และ เชส ฟาเบรกัส เขาก็ไม่ได้ซื้อมาฟรี 2 คนราคารวมกัน 60 ล้านปอนด์ จะเรียกว่า ไม่ได้ทุ่มเงินแลกความสำเร็จ ก็ไม่ใช่ แต่หากจะอ้างว่า บวกลบกับพวกที่ขายไปก็เหมือนไม่ได้เสียเงินเลย ก็ถูกของ มูรินโญ ซีซั่นที่แล้วขาย ดาวิด หลุยส์ โรเมโล ลูกาคู ก็ปาเข้าไป 68 ล้านปอนด์แล้ว ยังไม่ร่วม ที่ขายไปอีกหลายคน

แต่..ถว่าได้มีการจัดอันดับ กุนซือ ผู้ใช้เงินในการทำทีมมากที่สุด 10 อันดับ ตั้งแต่ปี 2004-2014 โชเซ่ มูรินโญ นั้นกับอยู่ในอันดับ 1 แบบสง่าผ่าเผยเลยทีเดียว 3 สโมสรที่เขาคุม เชลซี อินเตอร์ มาดริด เขาใช้เงินไป 900 กว่าล้านยูโร

แต่มาวันนี้เขากับออกมาแขวะทีมคู่แข่งว่า ใช้เงินแลกความสำเร็จ... คนอื่นใช้เงินแต่ไม่ได้ถ้วยแชมป์ แต่ มูรินโญ ใช้เงินแต่ก็ได้ถ้วยแชมป์ตอบแทนนี่คือ จุดสำคัญ และเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเป็น เดอะ สเปลเชี่ยล วัน

บางทีมใช้เงินไป 150 ล้านปอนด์ แต่กับได้ที่ 4

บางทีมใช้ไป 100 ล้านปอนด์ แต่ได้ไปเล่นยูโรป้าลีก

บางทีมใช้ไป 90 ล้านปอนด์ แต่ได้แค่แชมป์เอฟเอ คัพ

แต่สำหรับ มูรินโญ ไม่ว่าเขาจะใช้ หรือ ไม่ใช้เงินเลย ก็เชื่อได้ว่า ทีมที่เขาคุมจะต้องมีแชมป์ เสมอ......

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การซื้อตัวนักเตะ ไม่ใช่เรื่องง่าย!

ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการซื้อ-ขายนักเตะของลีกชั้นนำต่างๆของยุโรป วันที่ 1 นี้ถือว่าเป็นวันที่ตลาดเปิดอย่างเป็นทางการ แต่บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ที... thumbnail 1 summary
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการซื้อ-ขายนักเตะของลีกชั้นนำต่างๆของยุโรป วันที่ 1 นี้ถือว่าเป็นวันที่ตลาดเปิดอย่างเป็นทางการ แต่บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ที่มีแฟนบอลติดตาม ยังไม่ค่อยขยับออกแอ็คชั่นกันมากเท่าไหร่ มีเพียงแค่ข่าวฮึ่มๆ จะเอาคนนู้นคนนี้แต่ก็ไม่ชูเสื้อซักที แฟนบอลจึงออกมาบ่นว่าไม่ทันใจ

วันนี้เราจะมาเจาะลึกการซื้อนักเตะกว่าจะได้นักเตะแต่ละคนกัน

เริ่มจากเรื่องการตั้งราคาขายนักเตะ หลักๆจะมีวิธีการคำนวนจาก ความเก่ง ผลงาน อายุ สัญญาที่เหลืออยู่(กี่ปี) ค่าสปอนเซอร์ต่างๆ แต่ในปัจจุบันค่าตัวนักเตะมีหลายดีลที่ค่าตัวเกินจริง อย่างเช่น แกเร็ธ เบล ที่ค่าตัวทะลุเพดานไปไกลถึง 100 ล้านปอนด์ หรือ อังเคล ดิ มาเรีย ที่ก็ไปได้ถึง 60 ล้านปอนด์ 

เรื่องค่าตัวเอาจริงๆก็อยู่ที่สโมสรของนักเตะจะตั้ง บางสโมสรอยากขายก็ตั้งค่าตัวน้อยๆ ไม่อยากขายก็โก่งค่าตัวสูง เรื่องนี้จึงอยู่ที่การคุยกันระหว่าง 2 สโมสรตกลงค่าตัวกันเอาเอง ซึ่งการซื้อการจะมีวิธีการคือเป็นการยืนข้อเสนอ(Bid) เข้าไปให้สโมสรของนักเตะ ข้อเสนออาจจะเป็นเงินเต็มจำนวน ผ่อนจ่าย หรือจ่ายตามจำนวนนัดที่ยิง จำนวนนัดที่ลง ก็แล้วแต่จะตกลงกัน ซึ่งจะมีรายละเอียดอีกยิบย่อย 

ถ้าข้อเสนอเป็นที่พอใจก็อาจจะตกลงกันเร็ว ถ้ายังไม่พอใจก็เจรจากันไปอย่างดีล แกเร็ธ เบล ที่ใช้เวลา 3 เดือนกว่าสเปอร์จะยอมรับข้อเสนอ แต่ถ้ามีหลายทีมที่สนใจนักเตะ สโมสรเจ้าของนักเตะก็จะยังไม่ตอบรับโดยทันทีเพื่อรอข้อเสนอจากทีมอื่นที่อาจจะดีกว่า นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การย้ายทีมยืดเยื้อ

ถัดไปเป็นการตกลงสัญญาระหว่างนักเตะ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีความยุ่งยากมากที่สุดระหว่างการเจรจา โดยเฉพาะกับคนกลางที่ชื่อว่า เอเยนต์นักเตะ ที่ถูกมองว่าเป็นปัญหาในแต่ละการดีล




ในทุกวันนี้ "เอเยนต์" ส่วนตัวของนักเตะถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากในการย้ายทีมของนักเตะ ในอดีตวงการฟุตบอลไม่ได้มีเอเยนต์นักเตะ ส่วนมากคนที่ทำหน้าที่เจรจาสัญญาให้นักเตะก็คือญาติสนิท เช่น พ่อหรือพี่ชาย ซึ่งไม่มีความรู้ในเรื่องการทำสัญญาทำให้ถูกเอาเปรียบ หน้าที่ของเอเยนต์ ไม่ได้มีแค่หน้าที่ในการดูแลสัญญานักเตะเพียงอย่างเดียว แต่เรียกได้ว่าดูแลทุกอย่างของนักเตะ ทั้งภาพลักษณ์ การตลาด หาสปอนเซอร์ หาโฆษณาพรีเซนเตอร์ เป็นนักบัญชีคำนวนรายได้ คำนวนภาษีที่ต้องจ่าย หาวิธีลดภาษีให้ เรื่องนอกสนามเอเยนต์มีหน้าที่ทำหมด

เรื่องภาษีเป็นเรื่องที่แฟนบอลหลายๆคนมองข้ามไป บางคนสงสัยทำไมเวลาต่อสัญญา หรือย้ายทีม นักเตะคนต้องเรียกค่าเหนื่อยสูงมหาศาล โดยในพรีเมียร์ลีก ค่าเหนื่อย 1 สัปดาห์จะต้องถูกหักภาษี 45% ตัวอย่าง ค่าเหนื่อย 2 แสนปอนด์ นักเตะรับจริงจะอยู่ที่ 1 แสนกว่าเท่านั้น

ที่ลาลีกาสเปนยิ่งหนักกว่า ต้องหักภาษีมากถึง 52% ต่อค่าเหนื่อยแต่ละสัปดาห์ ด้วยเหตุฉะนี้นักเตะอย่าง เมสซี่ โรนัลโด้ ถึงได้ค่าเหนื่อยกันระดับหลุดโลก 

นี่จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การย้ายทีมของนักเตะล่าช้า เพราะตกลงค่าเหนื่อยกันไม่ได้ ซึ่งนอกจากเรื่องค่าเหนื่อยแล้ว รายละเอียดอีกยิบย่อยในสัญญาก็สร้างความล่าช้าให้อีกเช่นกัน อย่างตัวอย่างล่าสุด แชร์วินโญ่ที่จะย้ายไปเล่นให้สโสรในยูเออี ในสัญาได้ขอทั้งชายหาดส่วนตัว เฮลิคอปเตอร์ โอเวอร์เกินจริง ทำให้ทีมจากดูไบต้องปฎิเสธไป แต่ล่าสุดแซร์วินโญ่ออกมาบอกว่าไม่เป็นความจริง ก็ไม่รู้ว่าใครพูดจริงพูดเท็จ

เบื้องหลังของการเจรจาระหว่างเอเยนต์และสโมสรต่างๆนั้น ก่อนนักเตะจะมายืนชูเสื้อยิ้มถ่ายภาพเปิดตัวอย่างที่เราๆได้เห็นกัน นั้นเป็นยิ่งกว่าเรื่องราวดราม่า เฉือดเฉือนแบบที่เราคาดไม่ถึงและจะไม่เล่าในที่นี้ เดี้ยวจะยาว

หลายคนคงจะคิดว่า เอเยนต์จะได้เงินส่วนแบ่งจาก เงินค่าเหนื่อยแต่ละสัปดาห์ของนักเตะ ที่ต้องมาแบ่งจ่ายให้เอเยนต์อีก ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ เอเยนต์ไม่มีสิทธิไปหักเปอร์เซนต์จากค่าเหนื่อยนักเตะ

แต่รายได้หลักจะมาจาก "ค่านายหน้า" ในการทำสัญญาของนักเตะ หลังจากสโมสร 2 สโมสรตกลงค่าตัวนักเตะกันได้ ทีนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของเอเยนต์ในการตกลงสัญญา และในสัญญานักเตะจะมีเงินกินเปล่าค่านายหน้าในการทำสัญาของนักเตะ ที่สโมสรจะต้องจ่ายให้ ซึ่งรายได้ของเอเยนต์จะมาจากตรงนี้ 

หรือเอเยนต์บางราย ก็จะได้จากเปอร์เซนต์ค่าตัวนักเตะในการย้ายทีม อย่างนักเตะย้ายทีมค่าตัว 40 ล้านปอนด์ 10% จะถูกหักเป็นค่านายหน้า

เอเยนต์บางรายหน้าเลือด ก็เรียก ค่านายหน้า แบบมหาศาล ก็อาจเป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้การซื้อ-ขายล่าช้าหรือทำให้ดีลตกไป

และสิ่งสุดท้ายที่อาจจะเป็นอุปสรรคในการย้ายทีมก็คือ การตรวจร่างกายนักเตะ ที่ส่วนมากจะตรวจพวกกล้ามเนื้อ การทดทานของกล้ามเนื้อ ระบบข้อ-เข่า หัวไหล่ หน้าแข้ง ระบบการหายใจ ซึ่งส่วนมากจะไม่ค่อยมีปัญหา เพราส่วนมากนักฟุตบอลจะมีความฟิตอยู่แล้ว หรือมีการตรวจเป็นประจำจากสโมสรเดิมอยู่แล้ว

กรณีที่ไม่ผ่านการตรวจร่างกายล่าสุดก็เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว กรณีของ โลอิก เรมี่ ที่ลิเวอร์พูลตกลงค่าตัวกับทาง ควีน ปาร์ก เรนเจอร์เรียบร้อยแล้วร่วมถึงสัญญา แต่ดันตรวจร่างกายไม่ผ่านเนื่องจาก โลอิก เรมี่ มีปัญาที่หัวใจ ดีลจึงล่มไป ........แต่ดันผ่านการตรวจร่างกายกับเชลซีเฉย

หลักๆแล้วการย้ายก็มีขั้นตอนประมาณนี้ การย้ายทีมไม่ใช่ว่าอยากได้ตัวนี้แล้วต้องได้ ต้องได้ทันที การย้ายทีมต้องมีการเจรจากันหลายอย่าง ยิ่งเป็นทีมใหญ่ๆด้วยแล้ว ยิ่งถูกโก่งค่าตัว สัญญาต่างๆ ทำให้บางทีมถึงต้องรอจนวันท้ายๆของตลาด เพื่อบีบให้สโมสรเจ้าของนักเตะตัดสินใจให้ไว ซึ่งแฟนๆบอลอย่างเราต้องทำความเข้าใจ ครับ



วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หรือเพื่อลบล้างความผิดพลาด?

กองหน้าตัวใหม่ของ "สิงโตลอนดอน" น่าจะไม่ผิดไปจากชื่อของ ราดาเมล ฟัลเกา แน่นอน 99% หลังจากเสือร้ายตัวนี้กลายเป็นแมวน้อยไปเมื่อซีซั่... thumbnail 1 summary
กองหน้าตัวใหม่ของ "สิงโตลอนดอน" น่าจะไม่ผิดไปจากชื่อของ ราดาเมล ฟัลเกา แน่นอน 99% หลังจากเสือร้ายตัวนี้กลายเป็นแมวน้อยไปเมื่อซีซั่นที่แล้วกับแมนฯยู แต่มันกับกลายไปเป็นแรงบัลดาลใจให้ โชเซ่ มูริญโญ่ มุ่งมั่นที่จะทำให้แมวตัวนี้ให้กลับกลายเป็นเสืออีกครั้ง

โชเซ่ มูริญโญ่ นั้นชื่นชอบ ราดาเมล ฟัลเกา มาตั้งแต่สมัยค้าแข้งกับ แอตฯ มาดริด ที่ๆครั้งนึงพี่เสือสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกองหน้าเบอร์ 1 แต่นั่นคืออดีต ถึงตรงนี้ไม่มีกองหลังคนไหนในพรีเมียร์ลีกกลัวเขาแล้ว

คำถามมากมาย ทำไม มูรินโญ ต้องเลือก ราดาเมล ฟัลเกา ทั้งที่กองหน้าฟอร์มดีกว่านี้มีบานเบอะ ?

มันดูเหมือนกับว่า มูรินโญ กำลัง "ลบล้างความผิดพลาด" ในอดีต ความผิดพลาดที่ถูกกลบทับด้วย แชมป์พรีเพียร์ลีกและแชมป์ลีกคัพเมื่อฤดูกาลที่แล้ว สิ่งนั้นก็คือ การขาย ฮวน มาต้า ให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด!!

การขาย ฮวน มาต้า เมื่อตลาดหน้าหนาวเมื่อ 2 ฤดูกาลที่แล้ว ครั้งนั้นทำให้แฟนๆสิงห์บูลส์ไม่ค่อยสบอารมณ์ ด้วย มาต้า เป็นนักเตะที่เป็นที่รักของแฟนบอล เขาจะเขียนจดหมายลงบล็อกส่วนตัวของเขาเพื่อสื่อสารกับแฟนบอล และที่สำคัญคือในตอนนั้นเขาเป็นถึง นักเตะยอดเยี่ยมประจำสโมสร 2 ปีซ้อน

เหตุผลหลักที่ โชเซ่ มูรินโญ ขายเพลย์เมเกอร์ชาวสเปนคนนี้ ก็คือเขาเคยออกมาพูดดังว่า เขาชอบ ออสการ์ และต้องการให้ออสการ์กลายเป็น เบอร์ 10 ในอุดมคติของเขา

ณ เวลานั้น มูรินโญ คงไม่คิดว่าแมนฯยูทีมที่มีจุดขายที่เล่นบอลปีกจะใช้เพลย์เมเกอร์ให้เข้ากับระบบยังไง เพราะ ชินจิ คากาวะ กลางรุกของแมนฯยูในเวลานั้นก็ต้องเฟดไปเล่นปีกและก็ทำผลงานได้ไม่ดี ฮวน มาต้า ก็คงเป็นเช่นนั้น

แต่ก็เขาก็คิดผิด ฮวน มาต้า มีศักยภาพพอ ฤดูกาลนี้ มาต้า ถูกจับไปเล่นปีกขวา และก็ทำผลงานได้ดี เชื่อมเกม ต่อเกม ยิงประตูสำคัญๆได้บ่อย



แม้ว่าการขาย ฮวน มาต้า จะไม่ได้ส่งผลอะไรในการลุ้นแชมป์ในระยะยาว นั่นแปลว่า มูรินโญคิดไม่ผิดที่ขายมาต้า แต่ในสถิติส่วนตัวระหว่างออสการ์กับมาต้า opta เว็บไซต์เก็บข้อมูลกีฬาอันดับ 1 ของโลก ชี้ว่า มาต้า ดีกว่า ออสการ์ ทุกอย่าง

ครับ... มูรินโญคิดไม่ผิดที่ขายมาต้า แต่.. มูรินโญคิดผิดที่คิดว่าออสการ์ดีกว่ามาต้า ยิ่งกว่านั้น คือ เขาคิดผิดที่ว่าแมนฯยูจะใช้เพลย์เมเกอร์ไม่เป็น

นี่อาจเป็นสิ่งที่ติดใจ เขาอยู่ในตอนนี้

และการดึงตัว ราดาเมล ฟัลเกา อาจจะทำให้เขาทำในสิ่งตรงข้ามกับการขายมาต้า คือ เขาคิดถูกว่า ฟัลเกา ยังเป็นศูนย์หน้าที่ดีอยู่

หาก ราดาเมล ฟัลเกา โชว์ฟอร์มดีกับเชลซีมากเท่าไหร่ แฟนแมนฯยูก็ยิ่งรู้สึกอิจฉามากเท่านั้น และถ้าหากมันเป็นเช่นนั้นจริง ตำบลกระสุนก็จะเป็น หลุยส์ ฟาน กัล อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อหาที่เขาใช้พี่เสือไม่เป็น กลายเป็นเล่นสงครามจิตวิทยาไปในตัวของมูรินโญ่

ก็ต้องมาติดตามกันว่า เขาจะทำให้ ราดาเมล ฟัลเกา กลับมาเป็นเสือร้ายได้หรือไม่ และจะทำให้มูรินโญลบสิ่งที่ติดค้างในใจนี้ได้หรือไม่ ฤดูกาลหน้ารู้กัน

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โค้ชตัวจริง? ของรีล มาดริด

เรีบยร้อยกันไปแล้ว สำหรับ คาร์โล อันเชลอตติ ที่ถูก ฟลอเรนติโน่ เปเรซ สั่งปลดจากนายใหญ่ ราชันชุดขาว หลังจากฤดูกาลที่ล้มเหลว ไม่มีแชมป์ติดไม้ต... thumbnail 1 summary
เรีบยร้อยกันไปแล้ว สำหรับ คาร์โล อันเชลอตติ ที่ถูก ฟลอเรนติโน่ เปเรซ สั่งปลดจากนายใหญ่ ราชันชุดขาว หลังจากฤดูกาลที่ล้มเหลว ไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือ

UEFA Super  Cup กับ Fifa Cup World Cup ถือซะว่าเป็นผลพวงจาก ลา เดซิม่า เมื่อฤดูกาลก่อนละกันครับ

นับตั้งแต่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ถูกเลือกเป็นประธานสโมสรรอบที่ 2 เมื่อปี 2009 ใช้โค้ชไปแล้ว 3 คน ในรอบ 6 ปี มานูเอล เปเยกรินี่ โซเซ่ มูริญโญ และ คาร์โล อันเชลอตติ

3 คนในรอบ 6 ปี ถือว่าเปลืองมั้ย มองกันตรงๆมันก็ไม่ถึงกับเปลืองอะไรมากมาย เป็นไปตามวิถีของทีมใหญ่ ที่ปัจจุบันผู้จัดการทีมมักไม่อยู่นาน ถ้าไม่ถูกสโมสรปลด ก็จะลาออกเอง เนื่องจาก ความกดดันในการคุมทีมใหญ่มันมาก

เป๊ป กวาร์ดิโอล่าร์ วางมือหลังจากประสบความสำเร็จกับบาร์เซ่โลน่า 

จุ๊ปป์ ไฮยเกส์ รีไทร์หลังจากพาบาร์เยิร์นได้ทริปเบิ้ลแชมป์

กลับมาที่ คาร์โล อันเชลอตติ ที่แม้ฤดูกาลที่แล้วจะพาทีมได้ทั้ง โคปา เดอ เรย์ และ แชมป์บอลถ้วยใหญ่ของยุโรปเป็นสมัยที่ 10 ของทีมได้ หลังจากรอมา 11 ปี อย่างยิ่งใหญ่ ลา เดซิม่า นี่เป็นสิ่งที่แฟนๆราชันชุดขาวรอมานาน

และก็เป็นสิ่งที่ โชเซ่ มูรินโญ่ หรือ โค้ชอีกหลายคนก่อนหน้าเขาทำไม่ได้ด้วย

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ เปเรซ เห็นความดีในครั้งนั้นได้ สั่งปลดไปแบบไว้หน้า ถ้ายังจำกันได้ ปีสุดท้ายของโชเซ่ มูริญโญ่ มีปัญหาภายในทีมมากมาย เริ่มจาก มูริญโญ่ มีปัญหากับ อีเคร์ กาซิยาส ลามไปถึง เซอร์จิโอ รามอส แม้กระทั่งนักเตะชาติเดียวกันอย่าง เปเป้ และ โรนัลโด้ ก็ไม่เว้น

เมื่อ คาร์โล อันเชลอตติ เข้ามา ทุกอย่างก็จบและคลี่คลายไปในทางที่ดี และทุกคนต่างก็คิดกันว่า เขานี่แหละ คือ คนที่เหมาะสมสำหรับ รีล มาดริด ทั้งฝีมือและคาเรคเตอร์ คือ เดอะ วัน ที่ รีลมาดริดตามหาอย่างแท้จริง

แต่ก็ไปไม่รอด เช่นผู้จัดการทีมคนอื่นๆ..




เชื่อว่าแฟนๆหลายคนไม่พอใจแน่นอน ที่ คาร์โล ต้องลาทีมไป และก็ไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิมอีกเมื่อ ราฟาเอล เบนิเตช จะถูกเชิญตัวมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ 

คำถามคือ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ คิดอะไรอยู่?

ผมเชื่อว่า ราฟาเอล เบนิเตซ ไม่ใช่คนที่ ท่านประธานเปเรซ อยากได้ แต่เป็นเพราะเขาไม่มีตัวเลือกอื่นแล้วตั้งหาก ผู้จัดการทีมระดับ Top Class ก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว คาเปลโล่ มูรินโญ อันเชลอตติ คนอื่นตอนนี้ยังมีงานกันอยู่ คนที่มีข่าวมานานอย่าง โยอาเคิม เลิฟ ก็ยังติดสัญญากับ ทีมชาติเยอรมัน อันโตนิโอ คอนเต้ ก็คุมอิตาลีอยู่

ท่านประธานเปเรซ คงจะเริ่มมองไปที่ถ้วยแชมป์ ลาลีกา ที่ปล่อยให้ทีมอื่นได้ไปครอง บาร์เซโลน่า ยังพอทำใจ แต่การเห็นเพื่อนบ้านอย่าง แอตฯ มาดริด ปาดหน้าไปครอง คงกวนใจท่านประธานเปเรซ ไม่น้อย

และเชื่อว่า แชมป์ลีกนี่เองที่ทำให้ คาร์โล อันเชลอตติ ต้องตกงาน ซีซั่นที่แล้วเขาพาทีมได้ อันดับ 3 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ รีล มาดริด จบต่ำกว่า รองแชมป์ 

มาฤดูกาลนี้ ได้ที่ 2 เก็บไปถึง 92 คะแนน แต่ทีมแพ้ไป 6 นัด แพ้มากที่สุดในรอบ 6 ปี จุดตายของ อันเชลอตติ เลย

และที่สำคัญคือ ราฟาเอล เบนิเตซ เคยได้แชมป์ ลาลีกา มาแล้วกับ บาเลนเซีย ถึง 2 สมัย การันตีได้ในระดับหนึ่ง แชมป์ยุโรปก็ได้มาแล้วกับลิเวอร์พูล นั่นคือสิ่งที่ เจอร์เก้น คลอปป์ แคนดิเดตยังทำไม่ได้ และหลายคนยังไม่รู้ เขาเคยคุม รีลมาดริด ชุด U-19 ได้แชมป์ลีกมาแล้วสมัยเริ่มงานโค้ช

เอล ราฟา จึงเป็นตัวเลือกที่หาได้ดีที่สุดในตอนนี้ 

แต่ก็อย่างที่บอก ราฟาเเอล เบนิเตซ ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ต้องการจริงๆ หลังจบ ยูโร 2016 ปีหน้า เชื่อว่าอาจจะมีโค้ชหลายๆคนว่างงาน โยอาเคิม เลิฟ ถ้าเยอรมันได้แชมป์ยูโร เขาอาจจะวางมือทีมชาติ อันโตนิโอ คอนเต้ จับพลัดจับพลู อิตาลีไม่ประสมความสำเร็จในยูโร เขาก็อาจลาออกก็ได้

หรือตัวเลือกสุดเซอร์ไพรซ์อย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ ที่เริ่มจะถูกแฟนบอลปืนโตวิจารณ์ว่าหมดมุกแล้ว ก็อาจจะว่างงานจริงๆก็ได้

ราฟาเอล เบนิเตซ มีเวลาอย่างน้อย 1 ฤดูกาล ระหว่างแชมป์ลาลีกา กับ แชมป์ยุโรปสมัยที่ 11 แชมป์ใดแชมป์หนึ่ง ถึงจะเป็นเกราะป้องกันภัยอันตรายต่อเก้าอี้เขาได้

มิเช่นแล้วเขาอาจจะเป็น ผู้จัดการทีม คนที่ 4 ในรอบ 7 ปีที่ถูกปลดจากนายใหญ่ โลส บลังโกส ก็เป็นได้

ตัดเกรด อาจารย์หลุยส์

ภารกิจลุล่วง  .. แมนฯยูได้ไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปแน่นอนอนแล้ว หลังจาก ลิเวอร์พูล แพ้ คริสตัล พาเลซ คาบ้าน 1-3 ทำให้อับดับคะแนน ขาดไปแล้ว ... thumbnail 1 summary
ภารกิจลุล่วง .. แมนฯยูได้ไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปแน่นอนอนแล้ว หลังจาก ลิเวอร์พูล แพ้ คริสตัล พาเลซ คาบ้าน 1-3 ทำให้อับดับคะแนน ขาดไปแล้ว

เป้าหมาย Top 4 แมนฯยู ลุล่วงสำเร็จไปแบบระทึกใจไม่น้อย หลายคนบอกว่าเพราะ ทีมคู่แข่งพลาดเอง ไม่ใช่แมนฯยูเล่นดี นั่นก็ส่วนนึง

แต่อย่างน้อยต้องให้เครดิต หลุยส์ ฟาน กัล ในฐานะผู้จัดการทีม

ย้อนกลับไปฤดูกาลที่แล้ว แมนฯยู นี่พังไปแล้วนะครับ จากแชมป์ เดวิด มอยส์ พาลงมากลางตารางแบบเหลือเชื่อ เล่นในบ้านนี่แพ้เอาๆ ไม่มีใครกลัวแมนฯยู เล่นน่าเบื่อ ไม่เหลือความหวังอะไรให้แฟนๆแล้ว




แต่ชายชื่อ หลุยส์ ฟาน กัล ที่เข้ามาแทนพร้อมกับดีกรี แชมป์ 3 ประเทศ 

และก่อนจะมาคุมแกก็โชว์ฝีมือก่อนซะด้วยในบอลโลก ปลุกความหวังของของสาวกแมนฯยูอีกครั้ง (ในตอนนั้น) จากการโชว์ฝีมือในการพาเนเธอร์แลนด์ ไปถึงอันดับ 3 ฟุตบอลโลก หลายๆคนเห็นอาจารย์หลุยส์โชว์กึ๋นในบอลโลกแล้วยิ้มกันเป็นทิวแถว

และอาจารย์หลุยส์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเขาเริ่มงานกับแมนฯยูในช่วงปรีซีซั่น อุ่นเครื่อง 6 นัด ชนะทั้งหมด พาแฟนๆหวังไปไหนต่อไหน

การซื้อตัวของอาจารย์ก็ถึงใจถึงอารมณ์แฟนๆซะด้วย อังเคล ดิ มาเรีย ราดาเมล ฟัลเกา สองคนนี้ถ้าอยู่ในยุค ป๋าเฟอร์กี้ ป๋ามอยส์ รับรองไม่ได้เห็นแน่นอน

ยุคอาจารย์หลุยส์ ขอแค่นักเตะมีใจ ค่าตัวจะ 100-200 ล้านปอนด์ อาจารย์หลุยส์ระเบิดคลังเละเทะ
             
ถึงตรงนี้จบฤดูกาล นักเตะที่ซื้อมา "เกือบ" จะไม่มีใครเล่นไม่คุ้มค่าตัวสักคน เว้น ดิ มาเรีย ไว้คน ส่วนราดาเมล ฟัลเกา นี่ก็ต้องให้เครดิตอาจารย์หลุยส์เต็มๆ เพราะเขาแค่ ยืมตัว ไม่ได้ซื้อขาด ถ้าซื้อขาดป่านนี้โดนถล่มเละเทะไปแล้ว

เอาล่ะจบภาคปรีซีซั่นไปแล้วกลับมาที่ ของจริง แมนฯยูเปิดซีซั่นด้วยการแพ้สวอนซีคาบ้าน เรียกได้ บรรลัย นะครับ หลังจากชนะรวดนัดปรีซีซั่นดันมาแพ้เฉย 3 นัดไม่ชนะเลย อารมณ์แฟนๆเหมือนถูกพาเขาภูเขาแล้วถูกผลักตกลงมา

ช่วงปรีซีซั่นไม่มีความหมาย มีค่าอะไรสำหรับอาจารย์ เพราะตั้งแต่เปิดซีซั่น มาจนถึงเกือบท้ายฤดูกาลเขายังหา แผนการเล่น ที่เหมาะสมกับทีม ไม่ได้เลย!!

3-5-2      4-2-3-1      4-4-2     4-3-3

จนมาหาแผนที่ลงตัวลงล็อคก็เรื่อยมานัดที่ 29 แล้ว!! ด้วยแผน 4-1-4-1 ที่ใช้จนจบฤดูกาลและแผนนี้นี่เองที่พาแมนฯยูไปเล่นบอลยุโรป

และก็เชื่อว่าซีซั่นใหม่ 4-1-4-1 ไม่ใช่แผนการเล่นของแมนฯยูแน่นอน เปลี่ยนอีกแหละ

และถึงแม้อาจารย์หลุยส์จะหาแผนการเล่นที่ชัวร์เจอแล้ว แต่การวางตัวนักเตะพูดได้เลยว่าเขาไม่เคยหา 11 ตัวจริงที่ลงตัวเจอ สลับสับเปลี่ยนมั่วไปหมด

-อันโตนิโอ วาเลนเซีย ต้องเปลี่ยนมาเล่น แบ็กขวา ถาวร

-เวนย์ รูนีย์ ได้เล่นครบทุกตำแหน่งในกองกลาง ตัวรับ ตัวรุก ตัวโฮลบอล ปีก

-ฮวน มาต้า ต้องเล่นปีกขวากึ่งถาวร

สิ่งดีที่ทำให้แฟนบอลแมนฯยูหลายคนชอบอาจารย์หลุยส์ คือ เขามักฟังเสียงแฟนบอลเสมอ ในตอนที่ยังเล่นหลัง 3 ทีมโดนแฟนบอลตะโกน FOUR FOUR TWO! FOUR FOUR TWO! นัดต่อมาเขาก็เปลี่ยนมาเล่นหลัง4ตามใจแฟน

และมีเหตุการณ์ที่ ทีมกำลังขึ้นรถบัสจะเดินทางไปแข่ง แต่มีแฟนบอลมารอขอลายเซนต์นักเตะ อาจารย์หลุยส์ สั่งให้ ราดาเมล ฟัลเกา ลงรถไปเซ็นให้แฟนบอล ถือว่าเขาเป็นโค้ชที่แคร์แฟนบอลมากๆ

อาจารย์หลุยส์ ใช้เวลา 4 เดือนในการพาแมนฯยูเข้า Top4 โดยตั้งแต่วันที่ 22 พฤจิกายน ปีที่แล้วมาจนจบซีซั่น แมนฯยูไม่เคยหลุดอันดับจาก 4.  

มันน่าเหลือเชื่อนะครับ ตลอด 6 เดือนใน top4 มีหลายครั้งหลายครา ที่แมนฯยูเกือบหลุด แต้มเท่าอันดับ5บ้าง โดนจี้มา1-2แต้มบ้าง แต่ก็ไม่หลุดวงโคจร กดดันสุดๆแต่ก็เอาตัวรอดมาได้

อย่าลืมนะครับว่า เดี้ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่อย่างมากก็มีแค่ 2 ทีมแย่งอับดับ 4 ไม่ อาร์เซน่อล-เอฟเวอร์ตัน ก็ อาร์เซน่อล-สเปอร์

แต่ซีซั่นนี้มีทั้ง แมนฯยู เซาธ์แฮมป์ตัน ลิเวอร์พูล สเปอร์ 4 ทีมที่คอยแย่งชิงพื้นที่กัน มากกว่าทีมลุ้นแชมป์ซะอีก

ส่วนผลงานการเจอกับทีมใหญ่ด้วยกัน ผลงานมินิลีกแมนฯยูก็ดีกว่า มีเพียงเชลซีทีมเดียวที่แมนฯยูเอาชนะไม่ได้ และถ้าใครได้ดูนัดที่แมนนูยูเล่นกับทีมเหล่านี้จะเห็นว่า นี่อาจจะเป็นปีแรกในรอบหลายปีก็ได้ ที่ฟอร์แมนฯยูข่มทุกทีม ตัวอย่างเจอลิเวอร์พูล ซีซั่นนี้เอาชนะไปกลับ แมนฯซิตี้ที่ถึงแม้จะแพ้นัดชนะนัด แต่ฟอร์มที่เจอกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดข่มมิด เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีเลยที่ข่มซิตี้ได้

และหลายคนคงลืมไปว่าซีซั่นนี้ แมนฯยูประสบปัญหา นักเตะเจ็บ เกือบมากที่สุดตั้งแต่เล่นพรีเมียร์ลีกมาบางช่วงเจ็บเกือบทั้งทีม ปัญหานี้ใหญ่นะครับ

อังเคิล ดิ มาเรีย จากฟอร์มดีๆเจ็บไปตอนกลางซีซั่นฟอร์มก็หายไปเลย ลุก ชอว์ ก็เจ็บๆหาย 1นัดดี2นัดเจ็บ ราฟาเอล หายยาวไปจนเกือบลืม ไมเคิล คาร์ริก คนสำคัญที่สุดก็ยังเจ็บๆหายๆ กองหลังก็สลับกันเจ็บ สมอลลิ่ง โจนส์ อีแวนส์ โรโฮ

นี่คือเหตุผลหลักเลยที่ทำให้เขาหา แผนการเล่นที่ลงตัวไม่เจอ และต้องจัดตัวแบบขัดใจแฟนบอล

พูดถึงปัญหานักเตะเจ็บ อาจารย์หลุยส์จัดการปัญหานี้ได้ดีเลยทีเดียว เมื่อเขากล้าดันนักเตะดาวรุ่งอย่าง ไทเลอร์ แบล็กเกตต์ แพคทริก แม็คแนร์ เจมส์ วิลสัน อันเดรีย เปร์ไรร่า และ เจสซี่ ลินการ์ด ขึ้นมา เป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

เด็กๆเหล่านี้ก็เล่นดีสมดาวรุ่ง นับตั้งแต่หมด class of'92 ก็มีปีนี้แหละที่มีดาวรุ่งขึ้นชุดใหญ่กันเยอะ

อาจจะว่าเพราะสถานการณ์บังคับก็ได้ แต่จุดนี้อาจารย์หลุยส์ทำได้ดี

จบฤดูกาลแรกด้วย อันดับ 4 เข้ารอบ8ทีมเอฟเอ แต่ตกรอบ2ลีกคัพ เทียบกับ เดวิด มอยส์ แล้วดูดีกว่าแน่นอน ....... แต่ยังห่างไกลกับมาตรฐาน มอก. ของแมฯยู ที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทำไว้

ถือว่าเป็นความกดดันแฝงของโค้ชแมนฯยูทุกคนต่อจากนี้ ที่จะต้องถูกเอาไปเปรียบเทียบกับ ป๋าเฟอร์กี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และถ้าวัดตามมาตรฐานโค้ชทีมใหญ่ หลุยส์ ฟาน กัล สอบตกอย่างแน่นอน ยิ่งมาตรฐานแมนฯยูแล้ว ถึงกับต้องซ้ำชั้น

เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้วของแฟนๆแมนฯยูที่จะต้องไม่พอใจกับ อันดับ 4 ไม่อย่างนั้นแล้วเราก็จะต้องพอใจอยู่กับอันดับ 4 อย่างนี้ทุกปี เหมือนทีมคู่แข่ง

พาทีมกลับไปเล่นแชมป์เปี้ยนลีกได้ ไม่ให้ F ละกัน เอา D ไป ..




วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

เบื้องหลังรากฐานของเชลซี

ข่าวล่าสุด เชลซี กำลังจะมีผู้เล่นชาวบราซิลคนที่ 5 เมื่อจ่ายเงิน 4.5 ล้านปอนด์เป็นค่าตัวของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า นาธาน วัย 19 ปี  วอนเดอร์คิด ค... thumbnail 1 summary
ข่าวล่าสุด เชลซี กำลังจะมีผู้เล่นชาวบราซิลคนที่ 5 เมื่อจ่ายเงิน 4.5 ล้านปอนด์เป็นค่าตัวของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า นาธาน วัย 19 ปี  วอนเดอร์คิด คนใหม่แห่งวงการฟุตบอลบราซิล

ประเด็นอยู่ที่ว่าในระยะ เชลซี มักจะซื้อตัวนักเตะ ขาด อยู่เสมอ หลายๆรายที่ซื้อมาแล้วใช่งานได้จริงไม่หลอกตา ซึ่งจุดนี้ต้องให้เครดิตกับทีม Scout ของเชลซีไปเต็มๆ

ย้อนกลับไปปี 2003 เสี่ยหมี โรมัน อบราโมวิช เทคโอเวอร์เชลซีจาก ผู้พันชิกเก่น เคน เบตส์ เขาก็ร้อนเงิน กวาดซื้อนักเตะทุกคนที่จะซื้อได้ แม้กระทั่งถูกแมนฯยูหลอกขาย ฮวน เวรอน เสี่ยก็หลับหูหลับตาซื้อมา

23 คนใน 2 ปีแรกของเสี่ยหมี มีเพียง โค้ด มาเกเลเล่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ที่เล่นคุ้มค่าตัว  นอกนั้นไม่เท่าทุนก็ถือว่าล้มเหลว

จนกระทั่งในปี 2005 เสี่ยหมี นำสุดยอดแมวมองของของโลก พีท เดอ วิสเซอร์ เข้ามาทำงานด้วย นอกจากเป็นหัวหน้าแมวมองให้เชลซีแล้ว พีท ยังเป็นที่ปรึษาส่วนตัวของเสี่ยอีกตำแหน่งด้วย และเขาก็อยู่เบื้องหลังหลายๆเหตุการณ์ที่แฟนบอลเชลซีไม่ค่อยรู้


พีท เดอ วิสเซอร์


อย่างการที่ โชเซ่ มูริญโญ่ ยกเลิกสัญญากับเชลซีครั้งแรกก็มาจากการที่ พีท แนะนำให้เสี่ยหมีเอา แฟรงค์ อาร์เนเซ่น เข้ามาเป็น Directer of Football ทำให้ มูริญโญ่ ไม่พอใจ

การที่ หลุยส์ เฟลิปเป้ สโคลารี่ ทำงานไม่ครบปี ก็มาจากการที่ พีท เข้าไปเตือนเสี่ยหมีถึง วิธีการฝึกซ้อมของ สโคลารี่ ว่าอ่อนแอ พีท ถึงกับพูดว่า เขาเกือบจะ ช็อคตาย เมื่อเห็นการฝึกซ้อมของทีมในยุคของ สโคลารี่

รวมทั้งการแนะนำให้เสี่ยหมี เอา กุส ฮิสดิงส์ ที่ตอนนั้นเป็นผู้จัดการทีมชาติ รัสเซีย อยู่ มาคุมเชลซีชั่วคราว เพราะ ฮิสดิงส์ ก็เป็น 1 ในลูกศิษย์ของเขาสมัยอยู่ PSV นี่คือ 1 ในหลายๆเหตุการณ์ครั้งสำคัญของเชลซีที่ พีท เดอ วิสเซอร์ เข้าไปมีบทบาท และอีกหลายๆเหตุการณ์ที่เราไม่รู้อีก

กลับมาที่การ Scout นักเตะ นักเตะรายแรกที่ พีท แนะนำให้เชลซีคว้าตัวมาก็คือ อาร์เจน ร็อบเบน ดาวรุ่งพุ่งสุดหอกของวงการฟุตบอลฮอลแลนด์ในตอนนั้น ซึ่ง ร็อบเบน ก็ทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่งกับเชลซี

อ้อ เกือบลืมบอกว่าทำไม พีท ถึงถูกยกย่องให้เป็นแมวมองอันดับต้นๆของโลก หลายคนคงรู้จัก โรมาริโอ โรนัลโด้ สุดยอดกองหน้าในตำนาน ทั้ง 2 คนนี้ถูก พีท เดอ วิสเซอร์ ค้นพบทั้งนั้น ยาป สตัม รุด ฟาน นิสเตอรอย นี่ก็ล้วนผ่านตาของ พีท มาแล้ว

กลับมาที่เชลซีหลังจากได้ พีท มาทำงาน ทีม Scout ของเชลซีก็ดีขึ้นทันตา นักเตะหลายๆรายที่เข้ามาเชลซีล้วนทำผลงานได้คุ้มค่าตัว อย่าง มิคาเอล เอสเซี่ยง ซาโลมง กาลู จอห์น โอบี มิเกล ฟลอลองต์ มาลูด้า บรานิสราฟ อิวาโนวิช นิโกลาร์ อาเนลก้า

รวมทั้งเด็กดาวรุ่งที่ทยอยเข้ามาสู่ สแตมป์ฟอร์ด บริดจ์ แบบเงียบๆ ที่ต้องบอกว่าเงียบๆก็เพราะหลายคนไม่รู้ว่า ทิโบตส์ กูตัวร์ โรเมลู ลูคากู เควิน เดอ บรอยน์ ออสการ์ คือเด็กที่เชลซีกวาดมาทั้งนั้นจนกระทั่งพวกนี้แจ้งเกิด เนมานย่า มาติช ก็ด้วย(เคยย้ายมาเชลซีก่อนครั้งนึง) เคริด์ ซูม่า ว่าที่กองหลังอันดับ 1 ก็ด้วย

ยังร่วมที่ยังไม่แจ้งเกิดอย่าง ลูคัส ปิอาซอน อันเดรส คริสเตียนเซ่น มาร์โก ฟาน กิงเกล คริสเตียน อัสซู ไอซี่ บราว์น อีก พูดได้เลยว่าดาวรุ่งพวกนี้คือ วอนเดอร์คิด อย่างแท้จริง เกือบลืม แพทริค แบมฟอร์ด ว่าที่นักเตะยอดเยี่ยมลีกแชมป์เปี้ยนชิพอีกคน

อย่างที่บอกในระยะหลังๆทีม Scout ของเชลซีมองนักเตะได้เด็ดขาดมากๆ ยกตัวอย่าง เอเดน อาซาร์ ในตอนแรกมีเสียงวิจารณ์ว่าค่าตัว 35 ล้านปอนด์แพงไปสำหรับเขา มาตอนนี้ อาซาร์ ก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์ 3 รอง เมสซี่และโด้ แล้ว

และนอกจากเชลซีจะมีทีม Scout ที่สุดยอดแล้ว ยังมีบอร์ดบริหารที่ทำธุรกิจได้อย่างฉลาดมากอีกด้วย

เดี้ยวมาต่อ...


วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

โจเซป กวาร์ดิโอล่า พระเจ้าคนใหม่ของเรือใบสีฟ้า

สถานการณ์ของทีม เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในตอนนี้ระส่ำระสาย ฟอร์มการเล่น ออกทะเล มหาสมุทร ไปไกลมาก สมฉายาทีม เรือใบสีฟ้า และถึงตอนน... thumbnail 1 summary
สถานการณ์ของทีม เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในตอนนี้ระส่ำระสาย ฟอร์มการเล่น ออกทะเล มหาสมุทร ไปไกลมาก สมฉายาทีม เรือใบสีฟ้า

และถึงตอนนี้น่าจะค่อนข้างชัดแล้วว่า "มานูเอล เปเยกรินี่" อาจจะไม่ได้ทำทีมต่อ

จุดเริ่มแรกของการ ล่องทะเลของแมนฯซิตี้ มาจากการเสีย ยาย่า ตูเร่ ที่ไปเล่นแอฟริกัน เนชั่น คัพ ตอนต้นเดือนมกราคม โดยก่อนหน้าจะเสียจอมทัพรายนี้ แมนฯซิตี้ชนะติดต่อกันมา 7 เกม แต่หลังจากนั้น แมนฯซิตี้ชนะ 2 จาก 7 เกมที่ไม่มียาย่า

แต่ถึงกระนั้นเมื่อ ยาย่า ตูเร่ กลับจากเล่นทีมชาติ แมนฯซิตี้ก็ไม่ได้ดีขึ้นเหมือนฟอร์มเดิมเมื่อตอนต้นฤดูกาล กลายเป็นว่าช็อตไปดื้อๆ

จากที่เคยทำคะแนนขึ้นไปทาบเชลซี ถึงมีแต้มเท่า ยิงเท่ากัน ผลต่างเท่ากันหมด ถึงตอนนี้แมนฯซิตี้มีแต้มตามหลังเชลซีถึง 12 คะแนน เล่นเหมือนคนหมดใจก็ไปซะอย่างงั้น

และสถาการณ์ล่าสุดถึงขั้นโคม่า แพ้ 2 นัดติด โดยเป็นการแพ้ 4 นัดใน 6 นัด อันดับกราวรูดลงมาถึงที่ 4 ถ้าฟอร์มเป็นแบบนี้ในช่วงต้นซีซั่น คงไม่มีการหากุนซือใหม่กันไปแล้ว

พูดก็พูดครับ มานูเอล เปเยกรินี่ ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของแมนฯซิตี้แต่ต้น กุนซือชาวชิลีคนนี้เป็นเพียงตัวเลือกที่หาได้ดีที่สุดในขณะนั้น



เชื่อกันอยู่ลึกๆแล้วคนที่ชีคมานซูร์ต้องการจริงๆแล้วคือ เป๊ป กวาร์ดิโอลาร์

จะช้าจะเร็วยังไงแมนฯซิตี้ก็เลือก เป๊ป แน่ๆเพราะ 2 บริหารแมนฯซิตี้ เฟอร์ราน โซเรียโน่ และ ซิกิ เบริกิสไตน์ เคยร่วมงานสร้างยานกับ เป๊ป มาก่อนที่บาร์เซโลน่า สนิทสนมคุ้นเคยกันดี และเขาคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแมนฯซิตี้

มองกันตามจริงในบรรดาท็อปทีมของพรีเมียร์ลีก แบรนด์ของแมนฯซิตี้ ยังเป็นรองทีมใหญ่ด้วยกันอยู่มาก ดังนั้นการได้ผู้จัดการทีมระดับท็อปของโลก จะช่วยยกระดับทีมขึ้นไปอีกขั้น โชเซ่ มูริญโญ หลุยส์ ฟาน กัล อาร์แซน เวงเกอร์ ล้วนเป็นระดับ เวิร์ลคลาส

การได้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาคุมทีมจะยกระดับแมนฯซิตี้ขึ้นแน่นอน ทั้งระดับการเล่น สไตล์ที่สวยงาม มีจุดขายเหมือนทีมอื่นๆ 

ในบรรดาท็อปทีมเวลาหลับตานึกภาพ เราจะมองเห็นเลยว่าสไตล์การเล่นทีมนั้นเป็นยังไง อย่าง อาร์เซน่อลบอลต่อตามช่อง แมนฯยูบอลเจาะปีก ลิเวอร์พูลบอลเคาท์เตอร์ เชลซีบอลไดเรกซ์ อะไรอย่างนี้แต่กับแมนฯซิตี้เรายังไม่เห็น ซึ่งสไตล์เฉพาะตัวตรงนี้ต้องใช้เวลา และต้องมีโค้ชที่เก่ง

และสิ่งหนึ่ง ที่แมนฯซิตี้ ยังเป็นรองทีมระดับท็อปของพรีเมียร์ลีกอยู่ด้วยกัน คือ แนวทางพัฒนาระบบเยาวชนของแมนฯซิตี้ ที่ปั้นนักเตะขึ้นชุดใหญ่ไม่ได้เลย กลายเป็นทีมหลักลอย ไม่มีฐานรองรับ ซื้ออย่างเดียว 

ระบบเป็นรองก็ส่วนหนึ่ง แต่แนวทางของโค้ชก็มีส่วนเช่นกัน โค้ชที่ผ่านมาของแมนฯซิตี้ทั้ง โรแบร์โต้ มันชินี่ มานูเอล เปเยกรินี่ ไม่ชอบใช่เด็ก ดูได้จากปัจจุบันที่มีทั้ง เดมิเคลิส แลมพาร์ด อยู่ในทีม

ผู้เล่นของแมนฯซิตี้ในปัจจุบัน ไม่มี นักเตะจากท้องถิ่นเลยสักคน มีนักเตะอังกฤษเพียง 4 คน การันตีตัวจริงแค่คนเดียวคือ โจ ฮาร์ท ส่วน เจมส์ มิลเนอร์ นั้นเข้าๆออกๆทีมตัวจริง เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤตสำหรับนักเตะอังกฤษ

ซึ่งปัญหานักเตะอังกฤษขาดแคลน ทำให้แมนฯซิตี้มีข่าวกับ ราฮีม สเตอร์ริ่ง ที่ทำถ้าจะไม่ต่อสัญญากับลิเวอร์พูล และ แจ็ค วิลเชียร์ ของอาร์เซ่น่อล

และอีกสิ่งที่กำลังเริ่มก่อตัวเป็นพายุลูกใหม่ ก็คือ ค่าเฉลี่ยอายุนักเตะ แมนฯซิตี้เป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยอายุนักเตะสูงเป็นลำดับต้นๆของพรีเมียร์ลีก

ดูได้จาก 11 ตัวจริงนัดล่าสุดที่เจอแมนฯยู

โจ ฮาร์ท 27 ปี
พาโบล ซาบาเลต้า 30 ปี  แวงซอง กอมปานี 29 ปี  มาร์ติน เดมิสเคลิส 34 ปี กาเอล คลิชี่ 29 ปี
ยาย่า ตูเร่ 31 ปี เฟอร์นานดิญโญ 29 ปี
เฆซุส นาบาส 29 ปี ดาบิด ซิลบา 29 ปี เจมส์ มิลเนอร์ 29 ปี
เซอร์จิโอ อเกวโร่ 26 ปี

เกือบทั้งทีมตัวจริงที่มีอายุแตะหลัก 30 ปี นี่ยังไม่มองไปถึงตัวสำรองที่ก็มีอายุแตะหลักเลข 3 อยู่อีกบาน ซึ่งไม่ส่งผลดีสำหรับการยืนระยะในระยะยาว

ดูแล้วสิ้นสุดฤดูกาล แมนฯซิตี้น่าจะต้องมีการยกเครื่องใหม่ครั้งใหญ่แน่นอน วางรากฐานกันใหม่ทั้งหมด

แต่ถึงกระนั้น ผมเชื่ออยู่ลีกๆว่าโปรเจคสร้างทีมใหม่ หรือะไรก็ตามแต่จะยังไม่เกิดขึ้นกับแมนฯซิตี้ ถ้าพวกเขายังไม่ได้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาคุมทีม

หลายคนบอกที่แมนฯซิตี้ไม่มีอะไรท้าทายสำหรับ เป๊ป นั่นคิดผิดแล้ว ทั้ง 2 ทีมที่เป๊ปเคยคุมทีมล้วนมีทรัพยากรนักเตะ พื้นฐานต่างๆพร้อมแล้ว แต่แมนฯซิตี้ที่กำลังจะแตก ถ้าใครจะมาคุมต้อง สร้างทีมใหม่ทั้งหมด นั่นเป็นความท้าทายอย่างที่สุด

และมันจะสามารถเป็นข้อพิสูจน์ว่า ตัวเขาเอง ก็สร้างทีมเองเป็นไม่ต้องพึ่งทีมที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว เริ่มจาก 0 ได้ เซอร์ อเล็กซ์ ก็สร้างแมนฯยูจากศูนย์ โซเซ่ มูริญโญ่ ก็ปั้นปอร์โต้มาแล้ว เช่นกัน

ที่นี่ ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีพร้อมสำหรับความท้าทายครั้งใหม่ให้กับเขา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพื่อพิสจน์ให้โลกรู้ว่าเขาอยู่เหนือผู้จัดการทีมทั้งหลายทั้งมวล....









วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

ราฮีม ชีวิตต้องก้าวเดินต่อไป

จะไม่เขียนถึงเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ กับเรื่องราวของ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ถูกจุดประเด็นขึ้นมา พูดก็พูด นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแฟนๆลิเวอร์พูล... thumbnail 1 summary
จะไม่เขียนถึงเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ กับเรื่องราวของ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ถูกจุดประเด็นขึ้นมา

พูดก็พูด นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแฟนๆลิเวอร์พูล ที่จะต้องเสีย "สตาร์ดัง" ของทีม ตอร์เรส ซัวเรส เหล่าเดอะ ค็อป เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว

แต่ก็นะหนนี้อาจจะเป็นเรื่องแปลกใหม่หน่อยนึง เมื่อคราวนี้นักเตะที่ "กำลังจะ" เสียไปเป็น "ดาวรุ่ง" อายุแค่ 20 ขวบ ปั้นมากับมือ

สัญญาปัจจุบัน เหลืออีก 2 ปี ค่าเหนื่อย 35000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ข่าวล่าสุดลิเวอร์พูลเสนอสัญาใหม่ 180000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ให้!! ใช่แล้ว แสนแปด เด็กอายุ 20 ปี ได้แสนแปด!!

น่าตกใจนะครับถ้าข่าวเป็นจริงที่ ลิเวอร์พูลกล้าทุ่มเงินขนาดนั้น แต่ที่น่าตกใจแทบหงายท้องมากกว่า คือ ราฮีม สเตอร์ลิง กล้าปฎิเสธสัญญาฉบับนี้

เงิน 180000 ปอนด์ ถ้าพ่อไม่ใช่ บิลล์ เกตส์ ก็พูดเลยว่าไม่มีใครคนไหนปัดข้อเสนอนี้ทิ้งหรอก

แล้วถ้าเรามาคิดกันดีๆ เด็กอายุแค่ 20 ปีจะกล้าตัดสินใจใหญ่ๆอะไรแบบนี้ได้ตัวคนเดียวหรือ ไม่แน่นอน... เอเยนต์มีส่วนสำคัญในการเป่าหูชัวร์ๆ เชื่อว่าป่านนี้หู ราฮีม คงเกลี้ยงเกาไร้ขี้หูแน่ๆ

ตัวอย่าง พอล สเตรทฟอร์ด เอเยนต์คู่บุญ เวยน์ รูนีย์ เคยยุแยงให้รูนีย์ก่อหวอด งอแง ง้องแง้ง กับ ป๋าเฟอร์กี้ในปี 2010 และเรื่องราวก็จบลงตรงที่รูนี่ย์ต่อสัญญาใหม่ครั้งนั้นรับไป 250000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และสัญญาล่าสุด 300000 ปอนด์

กับมาที่ ราฮีม ถ้าเขาปฎิเสธสัญญาฉบับใหม่ที่มูลค่ามากขนาดนั้นจริงๆ นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องของเงินแล้วแหละ แต่เป็นเรื่องของ "ใจ" เสียมากกว่า ในเมื่อมองออกนอกรั้วแอนด์ฟิลด์ ทีมอย่างบาเยิร์น มิวนิค รีล มาดริด อ้าแขนรอรับ แม้กระทั่งทีมอย่าง แมนฯซิตี้และอาร์เซ่น่อล

ต้องยอมรับว่าทีมเหล่านั้นเป็นทีมที่ "ใหญ่" กว่าลิเวอร์พูล ทั้งเสือทั้งราชันการันตีได้เลยว่าแชมป์ทุกปี ปืนกับเรือใบก็อย่างน้อยๆไปเล่นเกมยุโรปทุกปี

ความสำเร็จเกีรยติยศมากมาย รอ ราฮีม อยู่ที่นั่น

สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือตัวอย่างความภักดีที่เขาปัดข้อเสนอเชลซีหรือรีลมาดริด เพื่ออยู่โยงเป็นตำนานของลิเวอร์พูล ปัดโอกาสคว้าแชมป์ลีก แชมป์ยุโรป อีกหลายๆแชมป์ และดูลิเวอร์พูลทำกับเขา ยึกยักไม่ต่อสัญญาบีบให้เขาต้องจำใจลา

เจอร์ราร์ด อาจจะไม่ได้แชมป์ลีกกับลิเวอร์พูล แต่กับทีมใหม่ของเขา แอลเอ กาแล็คซี่ ก็ไม่แน่ว่าเขาจะได้แชมป์ลีก มาเชยชมในบั้นปลายชีวิต ถึงเวลานั้นเขาอาจจะคิดรู้อย่างงี้ย้ายเสียตั้งนานก็ดี อันนี้ไม่มีใครทราบได้

แต่สำหรับราฮีมถ้าเขาเลือกอยู่ลิเวอร์พูลต่อ อะไรการันตีได้ว่าเขาจะไม่เป็นแบบเจอร์ราร์ด ใช่ลิเวอร์พูลคือที่ที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้

แต่ชีวิตการเป็นนักเตะมันสั้น โอกาสที่ทีมอย่าง บาเยิร์น มาดริด ไม่ได้มาง่ายๆ ถ้าไม่คว้าเอาไว้อาจจะเสียไปตลอดกาล .......... ชีวิตต้องเดินต่อครับ



วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

หลังเกมแดงเดือด..

จบไปแล้วครับ เกมแดงเดือด อิอิ 2-1 นะครับ แมนฯยูเอาชนะไปได้แบบไร้ข้อกังขาแม้จะมีแฟนบอลทีมคู่แข่ง บอกฟลุคบ้าง ซื้อกรรมการบ้างก็ตามที เอาล่ะจะ... thumbnail 1 summary
จบไปแล้วครับเกมแดงเดือด อิอิ 2-1 นะครับ แมนฯยูเอาชนะไปได้แบบไร้ข้อกังขาแม้จะมีแฟนบอลทีมคู่แข่ง บอกฟลุคบ้าง ซื้อกรรมการบ้างก็ตามที เอาล่ะจะซื้อไม่ซื้อเกมก็จบไปแล้ว ด้วยสกอร์ 2-1 นะครับ อย่าลืมเนอะ 2-1 ฮ่าๆ





ก่อนเกมเริ่ม แมนฯยูเป็นรองทุกกระบวนท่า (เขาว่ากันยังงั้น) ลิเวอร์พูลหลังจากแพ้แมนฯยูเมื่อครึ่งซีซั่นแรก ก็ไม่แพ้ใครมา 13 นัด และชนะติดต่อกันมา 5 นัดก่อนมานัดนี้ ที่สำคัญคือ "เล่นด้วยฟอร์มเทพด้วย" ส่วนแมนฯยูตรงกันข้าม ฟอร์มก็กระท่อนกระแท่น 

ทำให้ก่อนเกมเหล่ากูรู ผู้รู้ ผู้สันทัดกรณี ต่างวิเคราะห์ด้วยความมั่นใจว่า ลิเวอร์พูลจะเปิดเล้า เอ๊ย!! เปิดรังเอาชนะไปได้ 1-0 บ้าง 2-1 บ้าง 2-0 ก็มี น้อยคนจะวิเคราะห์ว่าแมนฯยูจะบุกไประเบิดรังหงส์ได้ อย่ามากก็ พูดแค่ว่า แมนฯยูไม่แพ้
  
เหตุผลทำให้เหล่ากูรูพวกนี้ออกมาบอกว่า หงส์แดงจะชนะ แทบจะคล้ายๆกันนั่นก็คือ "หลุยส์ ฟานกัล" ยังจัดทีมมั่วอยู่ ยังหาทีมไม่ลงตัว นี่คือเหตุสุดฮิตติดตลาดที่ทำให้พวกเขาคิดว่า แมนฯยูจะแพ้!!

ผมคิดว่าพวกเขา "อ่านแต่ข่าว" และคงไม่ได้ดูแมนฯยูเล่นก่อนหน้านี้ เพราะ 2-3 นัดหลัง ลุงกัล หาทีมที่ลงตัวเจอแล้วตะหาก ตั้งแต่นัดเจอ ซันเดอร์แลนด์ ที่ลุงกัลเปลี่ยนระบบมาใช้ 4-2-3-1 จัดผู้เล่นถูกตำแหน่ง แมนฯยูก็เล่นดีมาเรื่อยๆ นัดแพ้อาร์เซน่อล ก็ใช่ว่าจะเล่นไม่ดี

จนกระทั่ง มาพีคในนัดเจอ "ท็อตเทนแน่ม ฮอตสเปอร์" ทั้งระบบทั้งฟอร์มนักเตะแมนฯยูลงตัวอย่างไร้ที่ติ ใครดูเกมนั้นเรียกได้ว่า นี่คือ "แมนฯยูที่ตามหามา 2 ปี" เลยทีเดียว

แต่ก็อีกนั่นแหละ นัดแมนฯยูถล่มไก่ 3-0 จบเกม ก็มีแฟนบอลบางท่านกล่าวว่า สเปอร์ เล่นไม่ดีเอง ฟอร์มตกเอง ก็ว่าไปครับ คนดูเกมจะรู้ว่า แมนฯยูเล่นสมบูรณ์แบบมากๆโดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรก ความจริงเกมนั้น ใครๆก็บอก สเปอร์ ไม่แพ้บ้าง แฮร์รี่ เคน จะยิงบ้าง เอาเข้าจริงจริงก็เงียบกรีฟฟฟฟ นัดนั้นแมนฯยูเป็นบอลรองด้วยซ้ำไป

มาถึงนัดแดงเดือด แมนฯยู ต้องเป็นบอลรองอีกครั้ง และเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน แต่รูปเกมบอลรองทีมนี้ กินขาด ทีมบอลต่อ อย่าให้พูดเลยครับ น้อยทีมจะมาแอนฟิลด์แล้วจะครองเกือบๆ 60% และทำให้ลิเวอร์พูลยิงเข้ากรอบได้เพียง 1 ครั้ง และนั่นมาจากการผิดพลาดเฉพาะบุคคลด้วย!!

และนอกจากแมนฯยูจะเล่นดีด้วยแล้ว เทพเจ้าของเหล่าเดอะค็อป ก็มอบของขวัญชิ้นโตให้เหล่าสาวกปีศาจแดง ด้วยการเนรเทศตัวเองออกจากสนามจากการไปย่ำใส่ อันเดร์ เอร์เรร่า รวมเวลาเล่นในสนามเพียง 41 วินาทีเท่านั้น และเป็นการได้ใบแดงที่เร็วที่สุดในพรีเมียรลีกของตัวสำรองอีกด้วย ทำให้แมนฯยูเล่นสบายใจ จนโดนคืนมา 1 ลูก แต่ก็ประคองจนจบเกมได้

นอกจาก นักเตะแมนฯยูเล่นดี เจอร์ราร์ดโดนแดง อีกสิ่ง1ที่จะลืมไม่ได้คือ "แบรแดน ร็อดเจอร์" แพ้ หลุยส์ ฟานกัล ราบคาบ อย่าลืมว่าระบบ 3-5-2 หรือ 3-4-3 ของลิเวอร์พูล พูดง่ายๆหลัง3คน คือระบบที่ลุงกัลรักและชื่นชอบ และล้มเหลวมาก่อน ทำให้เขารู้ จุดอ่อน จุดแข็ง ระบบนี้อย่างทะลุโลกไปดาวพลูโตเลยด้วยซ้ำ การที่ร็อดเจอร์ใช้แท็คติกนี้ ทำให้เข้าทาง ฟานกัล อย่างจังเลย

แพ้ด้วยประการทั้งปวงครับ บอกเลยครับ อิอิ

เอาล่ะ ผลสกอร์แมนฯยูชนะ บอกอะไรบ้าง??

1. พูดแบบเต็มปาก ตะโกนกลางถนนเลยก็ได้นะครับว่า "แมนฯยูกูมาแล้ว" ชนะทีมที่ฟอร์มดีที่สุดในลีกได้แบบนี้ ไม่ต้องกลัวใครแล้ว

2. อาจจะจี้ใจดำแฟนผี แต่จุดนี้ ฮวน มาต้า ดีกว่า อังเคล ดิ มาเรีย

3. มารูนยาน เฟลไลนี่ เป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของแมนฯยูตอนนี้

4. ราดาเมล ฟัลเกา อาจได้อยู่แมนฯยูต่อ(เดี้ยวจะมาเขียนประเด็นนี้)

และข้อสุดท้าย รู้แน่ๆแบบไม่ต้องเดาไม่ต้องสืบ คือ ปิ๊บขาดตลาด แน่ๆครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์บอล FA CUP รอบ 6 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อาร์เซน่อล 10/03/2015

vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ปีศาจแดงเริ่มกลับมาเข้าร่องเข้ารอยอีกครั้ง ทั้ง ฟิล โจนส์ ไมเคิล คาร์ริก กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง มีเพีย... thumbnail 1 summary

vs


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด :

ปีศาจแดงเริ่มกลับมาเข้าร่องเข้ารอยอีกครั้ง ทั้ง ฟิล โจนส์ ไมเคิล คาร์ริก กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง มีเพียง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่เจ็บ 4 สัปดาห์ นอกนั้นพร้อมเต็มสูบ แต่สำหรับ จอนนี่ อีแวนส์ ยังไม่แน่ว่าจะโดนแบบกี่นัด จากสงครามถุยน้ำลายนัดเจอนิวคาสเซิล

แผนการเล่น หลุยส์ ฟาน กัล จะยังคงใช้แผน 4-2-3-1 ต่อเนื่องหลังจากใช้แล้วชนะมา 2 นัดติด โดยมี ดาบิด เด เคอา เป็นผู้รักษาประตู แผงกองหลัง วาเลนเซีน สมอลลิ่ง โจนส์ โรโฮ คู่กองกลางเป็น เอร์เรร่า กับ บลินด์ ปีก 2 ฝั่ง ดิมาเรีย ยัง หน้าต่ำ เฟลไลนี่ และกองหน้า รูนีย์

อาร์เซน่อล :

ปืนใหญ่นัดนี้จะยังไม่มีนักเตะบาดเจ็บทั้ง วาริซิกกี้ ดิยาบี้ ที่เจ็บยาว มิเกล อาร์เตต้า มาติเยอ เดอบูชี่ มาติเยอ ฟลามินี่ แจ็ค วิลเชียร์ และ กาเบรียล เปาลิสต้า นักเตะใหม่ แต่ทั้ง โอซิล อเล็กซิส ชิรูด์ พร้อมลงสนาม

รูปแบบการเล่นมาในระบบ 4-2-3-1 วอคเชียส เชสนีย์ เฝ้าเสา แผงแบ็กโฟร์ เฮคเตอร์ เบลเลริน เพอร์ เมแตร์ซัคเกอร์ โลร็อง กอสเซียนี่ คีแรน กิบบ์ คู่กลาง ซานติ กาซอล่า ฟรองซิส โกกอแลง สามตัวรุก อาร์รอน แรมซีย์ เมซุต โอซิล อเล็กซิส หน้าเป้า โอริวิเยร์ ชิรูด์

สถิติน่าสนใจ

แมนฯยู ชนะทั้ง 6 นัดล่าสุดที่พบกับอาร์เซน่อลในบ้าน

อาร์เซน่อลทำประตูไม่น้อยกว่า 2 ลูก 8 นัดจาก 9 นัดในเอฟเอคัพ

วิเคราะห์เกม

ถือว่าเป็นงูเหลือมกับเชือกกล้วย คู่นึงในพรีเมียร์ลีกที่ ปืนใหญ่มักแพ้ทางปีศาจแดงอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าฟอร์มจะดีขนาดไหนก็ตาม ยิ่งนัดนี้ต้องออกไปเยือนแมนฯยูที่เล่นในบ้าน ซึ่งแพ้ยากเป็นทุนเดิม(แพ้ 2 นัดจากทุกถ้วย) เกมนัดนี้ทีมไหนสามารถชิงจังหวะได้ก่อนก็จะมีโอกาสสูง แมนฯยูแม้ฟอร์มการเล่นจะไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ แต่ได้เล่นในบ้านน่าจะบดเอาชนะไปได้

สกอร์ : 2-1





วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

ไขปริศนา.. กิ๊กส์ กับ ฟานกัล มีปัญหาอะไรกัน

สำหรับแมนฯยูตอนนี้สถานการณ์มันช่างเปราะบางอีกกว่าเส้นด้าย ไม่ว่าสิ่งๆไหนก็ถูกหยิบยกมาประเด็นสร้างความกดดันให้กับทีมได้แทบทุกอย่าง  และประเด็... thumbnail 1 summary
สำหรับแมนฯยูตอนนี้สถานการณ์มันช่างเปราะบางอีกกว่าเส้นด้าย ไม่ว่าสิ่งๆไหนก็ถูกหยิบยกมาประเด็นสร้างความกดดันให้กับทีมได้แทบทุกอย่าง และประเด็นล่าสุด คือ การดีใจของ "บอสหลุยส์" หลัง "แอชลีย์ ยัง" ยิงประตูชัยนาทีที่ 89 ในเกมกับนิวคาสเซิล

ดูจากคลิป "หลุยส์ ฟาน กัล" ลุกขึ้นอ้าปากชูมือขวาอย่างสะใจ ก่อนจะหันไปดีใจกับมือขวาอย่าง "ไรอัน กิ๊กส์" ประมาณว่า "เป็นไง ไรอัน เป็นไง.." ประมาณนั้น ซึ่ง กิ๊กส์ ก็ทำหน้าบูดหน้านิ่ง ไม่ได้ยิ้มหรือตอบต่างอย่างใด

ทำให้ผู้คนต่างคิดกันว่า 2 คนนี้มีอะไรกันหรือป่าว เล่นงัดข้อกันหรือเปล่า

ในระหว่างเกมนั้น ทั้ง 2 คน คงมีเรื่องราวอะไรกันอยู่แน่ๆ เพราะ "หลุยส์ ฟาน กัล" จงใจหันมาหา "ไรอัน กิ๊กส์" มากกว่าจะชูมือแหกปากคนเดียว หรือ หันไปดีใจกับมือซ้ายอย่าง "อัลเบิร์ต สตุยเวนเบิร์ก"

เรื่องนี้พลิกแพงไปได้หรือกรณี

กรณีแรก ทั้งคู่อาจจะขัดใจกันในเรื่องการเปลี่ยนตัว อย่างที่ทราบ บอสอ้วน เปลี่ยนตัว "อั๊ดนาน ยานาไซจ์" ลงมาแทน "อังเคล ดิ มาเรีย" แต่น้องไซจ์ก็ไม่ได้ทำดีไปกว่า ดิมาเรีย จนเวลาล่วงเลยมาถึง นาที 80 ก็เปลี่ยน "ฮวน มาต้า" ลงมาแทน "มารูยาน เฟลไลนี่" อีกคน

"ไรอัน กิ๊กส์" อาจจะเห็นว่า ควรเปลี่ยน มาต้า ไปแทน ยัง มากกว่าแทน เฟลไลนี่ ที่นัดที่ทำได้ดี อะไรประมาณนั้น บอสอ้วนจึงหันมาดีใจกับ กิ๊กส์ และดีใจอย่างที่บอกไป "เป็นไง ไรอัน บอสบอกแล้ว ไอ้ยังมันได้ เป็นไง ไรอัน" อะไรเทือกๆนี้ 

กรณีที่สอง บอสอ้วน หันมาชื่นชม "ไรอัน กิ๊กส์" กรณีนี้กลับกัน เป็น "หลุยส์ ฟาน กัล" ที่คิดผิดจะเปลี่ยน มาต้า ลงไปแทน ยัง แต่ กิ๊กส์ บอก "ไม่บอส เปลี่ยน มารูน ดีกว่าบอส" และ ยัง สามารถทำประตูได้ ฟาน กัล จึงหันกลับมา "โอ้ ไรอัน นายยอด นายยอดมาก" อะไรเทือกๆนี้สำหรับกรณีนี้

กรณีที่สาม เป็นกรณที่ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะใช่มากที่สุด นั่นคือ บอสอ้วน สะใจกับสปิริตทีม ที่ไม่ยอมหมดแรงบุก จนได้ประตูในที่สุด จึงหันไปสะใจกับ "ไรอัน กิ๊กส์" ประมาณว่า "หัวใจทีมเรามันน่ากราบจริงไรอัน บอสขนลุก" อะไรเทือกๆนี้

แต่สุดท้ายไม่ว่า มันจะเข้ากรณีไหนหรือไม่มีอะไรในกอไผ่เลย และล่าสุด ฟาน กัล ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่าเขาไม่มีปัญหาอะไรกับมือขวาของเขาเลย แต่ก็ไม่ได้อธิบายสาเหตุอะไรที่ กิ๊กส์ ทำหน้านิ่งแบบนั้น แต่เมื่อเขาบอกไม่มีอะไร ก็ต้องไม่มีอะไร อย่างน้อยๆก็จนถึงจบฤดูกาลนี้..............

(นี่คือการมโนเองของผมทั้งหมดนะ 55)

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4/03/2015

vs นิวคาสเซิล :  จอห์น คาร์เวอร์ กุนซือรักษาการณ์ของทีมสาลิกาดง ต้องปวดหัวกับรายชื่อนักเตะเจ็บ ที่ยาวเป็นห่างว่าว ทั้ง เซียม เดอ ย... thumbnail 1 summary


vs




นิวคาสเซิล : 

จอห์น คาร์เวอร์ กุนซือรักษาการณ์ของทีมสาลิกาดง ต้องปวดหัวกับรายชื่อนักเตะเจ็บ ที่ยาวเป็นห่างว่าว ทั้ง เซียม เดอ ยอง ,สตีเว่น เทย์เลอร์ ,ชีค ติโอเต้ ,เรมี่ คาเบลล่า ,มัสซาดิโอ ไฮดาร่า ที่ยังไม่แน่ว่าจะฟิตทัน รวมทั้ง แจ็ค คอลแบ็ก ที่ติดโทษแบนอยู่

คาดการณ์การจัดตัวด้วยระบบ 4-2-3-1 ตามเดิม มี ทิม ครูล เป็นนายทวาร แผงแบ็กโฟร์ ดารีล ยานมัต ไมเคิล วิลเลียมสัน ฟาบิโอ โคลอชชินี่ มัสซาดิโอ ไฮดาร่า คู่กองกลางเป็น เมห์ดี้ อาบีด กับ มุสซา ซิสโซโก้ ปีก 2 ฝั่งเป็น แซมมี่ อเมโอบี้ ทางซ้าย โยฮัน กุฟฟร็อง ทางขวา ตัวรุก อโยซี่ เปเรซ ส่วนกองหน้า ปาปิส ซิสเซ่ ประจำการ

แมนฯ ยูไนเต็ด

ปีศาจของ หลุยส์ ฟาน กัล จะยังไม่มี ไมเคิล คาร์ริก กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ ส่วน ลุก ชอว์ กับ ฟิล โจนส์ ต้องรอเช็คความฟิต ส่วนนักเตะรายอื่นๆพร้อมประจำการหมือนเคย

สำหรับแผนการเล่นเดาใจ บอสหลุยส์ ยากสักหน่อยแต่คาดว่าน่าจะใช้ 4-2-3-1 เช่นเดิม มี ดาบิด เด เคอา เป็นผู้รักษาประตู แบ็กขวา อันโตนิโอ วาเลนเซีย คู่เซ็นเตอร์เป็น คริส สมอลลิ่ง มาร์กอส โรโฮ แบ็กซ้ายน่าจะเป็น ลุก ชอว์ คู่กองกลางเป็น อันเดร์ เอร์เรร่า กับ ดาลีย์ บลินด์ สามตัวรุก แอชลีย์ ยัง เวนย์ รูนีย์ และ อังเคิล ดิ มาเรีย หรือ อั๊ดนาน ยานาไซจ์ กองหน้า ราดาเมล ฟัลเกา

สถิติน่าสนใจ :

แมนฯยูไม่แพ้ใน 24 เกมจาก 26 เกมหลังสุดที่พบกับ นิวคาสเซิล รวมทุกรายการ

แมนฯยูทำประตูไม่น้อยกว่า 2 ลูกในการไปเยือน นิวคาสเซิล 11 เกมจาก 13 เกม รวมทุกรายการ

นิวคาสเซิลทำประตูเกิน 2 ลูก 6 จาก 7 เกมที่เจอกับแมนฯยู รวมทุกรายการ

วิเคราะห์เกม :

ทั้งสองทีมเพิ่งชนะมาจากนัดสุดสัปดาห์ แมนฯยูชนะนัดเดียว จาก 6 นัดที่เป็นเกมเยือน ส่วนนิวคาสเซิล ก็แพ้นัดเดียวจากเกมเหย้า 5 นัดที่ผ่านมา รูปเกมน่าจะเป็นแมนฯยูที่ครองบอลบุกตามสไตล์ และนิวคาสเซิลจะเป็นฝ่ายโต้ใส่ แมนฯยูที่กำลังลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์น่าจะมีแรงมุ่งมั่นมากกว่า แต่การเล่นใน เซนต์ เจมส์ ปาร์ก เป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยระดับนักเตะและแรงใจแมนฯยูน่าจะเฉือนชนะไปได้แบบหืดจับ 

สอกอร์ : 1-2

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558

กองหน้าผี ซีซั่นหน้า?

ต้องยอมรับว่ากองหน้าของแมนฯยูไนเต็ด ในตอนนี้หาความแน่นอนกันไม่ได้เลย แม้แต่ละคนจะมีชื่อเสียงบารมีสะสมมามาก ทั้ง "เวนย์ รูนีย์" , &... thumbnail 1 summary
ต้องยอมรับว่ากองหน้าของแมนฯยูไนเต็ด ในตอนนี้หาความแน่นอนกันไม่ได้เลย แม้แต่ละคนจะมีชื่อเสียงบารมีสะสมมามาก ทั้ง "เวนย์ รูนีย์","โรบิน ฟาน เพอร์ซี่","ราดาเมล ฟัลเกา" ในซีซั่นทั้ง 3 คน ยังไม่มีใครทำฟอร์มเปรี้ยงปราง

ในกรณีของ "เวนย์ รูนีย์" นั้นพอเข้าใจได้ว่า ถูก บอสใหญ่ชาวดัดซ์ จับไปเล่นเป็นมิดฟิลด์อยู่บ่อยครั้ง แต่อีก 2 คนที่เหลือนั้นเรียกได้ว่า "อาการหนัก" 

"โรบิน ฟาน เพอร์ซี" หากย้อนกลับไป 2-3 ปีที่แล้ว เขาคือกองหน้าที่ดีที่สุดในยุโรปคนนึง บอลจะมายากยังไง ฟลายอิ้งดัดซ์แมน ผู้นี้จะจัดการเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย ต่างจากเวลานี้ที่ โรบิน ยิงยังไงก็ไม่เข้า แถมเจ็บออดๆแอด เล่น 2 นัด เจ็บ 2 เดือน 

ส่วนนึงก็มาจากอายุอานามที่ 31 ปีเข้าไปแล้ว อีกส่วนนึงน่าจะมาจากสภาพจิตใจของ โรบิน เองที่ช็อคจากการ "รีไทร์" ของ "ปะป๋าเฟอร์กี้" เมื่อ 2 ปีที่แล้ว อย่างที่รู้ๆกันว่า โรบิน ย้ายข้ามห้วยมา แมนฯยูก็เพราะ ท่านเซอร์ เป็นส่วนสำคัญ เพราะเขาคิดว่าป๋ากี้จะดลบันดาลความสำเร็จให้แก่เขาได้

แต่ย้ายมาเพียงซีซั่นเดียว "เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน" ก็วางมือไปทำให้ โรบิน ต้องฝันค้างในหลายๆแชมป์และ ฟอร์มการเล่นของเขาก็ตกลงอย่างน่าใจหายจนถึงเวลานี้

อีกคนนึง "ราดาเมล ฟัลเกา" (อดีต)กองหน้าอันดับ 1 ของโลก อย่างที่เรารู้กันก่อนย้ายมาร่วมทัพอสูรสีแดงนี้ ฟัลเกา ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ "หัวเข่า" และเขาเพิ่งหายเจ็บไม่นานก่อนเริ่มฟุตบอลโลก ทำให้พลาดร่วมทัพโคลอมเบียไปในที่สุด

หลังจากหายเจ็บ ฟัลเกา เลือกที่จะย้ายมาร่วมทัพปีศาจแดง และดูเหมือนว่า "เอล ติเกร" จะไม่ใช่เสือร้ายตัวเดิม เขี้ยวเล็บ สัญชาตญาณกองหน้าที่เคยที่เคยมีหายไปหมด ส่วนนึงก็มาจากพรีเมียร์ลีกที่เป็นลีกปราบเซียนมานักต่อนัก

ถ้านับถึงตรงนี้ ฟัลเกา ยังล้มเหลวกับแมนฯยู แต่ต้องชื่นชมทัศนคติของเขาที่ ต่อให้เป็นตัวสำรอง ถูกตัดชื่อออกจากทีม ถูกเปลี่ยนออก แต่เขาก็ไม่เคยบ่นหรือแสดงสีหน้าไม่พอใจ เห็นได้จากทุกนัด เขาวิ่งขอบอล พล่านไปทั่วแดนหน้าแม้จะไปทับตำแหน่งกับกองหน้าคนอื่นอยู่หลายครั้ง แต่ก็แสดงถึงความทุ่มเทให้กับทีม 

ยิ่งเมื่อการเจอ "ซันเดอร์แลนด์" เมื่อนัดที่แล้ว การพลิกบอลในจังหวะที่เรียกจุดโทษให้กับทีม ฟัลเกาทำให้สวยที่สุดตั้งแต่มาร่วมทีมเลยก็ว่าได้ จังหวะน่าจะเรียกความมั่นใจให้กับ ฟัลเกา ได้ไม่มากก็น้อย และน่าเสียดายในเขาถูกเปลี่ยนตัวออกไป

นับจากนี้หาก "หลุยส์ ฟาน กัล" ยังคงเชื่อมั่นมอบความไว้วางใจ 12 นัดที่เหลือยังไม่สายที่ "ราดาเมล ฟัลเกา" จะระเบิดฟอร์มสุดยอดเหมือนที่เราเคยเห็นได้แน่ๆ

ถึงตรงนี้มีไม่กี่สูตรสำหรับกองหน้าปีศาจแดง ในซีซั่นหน้า

สูตรแรก: ไม่ซื้อขาด "ราดาเมล ฟัลเกา" แล้วหาคนใหม่

เมื่อไม่ซื้อ ฟัลเกา เท่ากับว่า บอสหลุยส์ ต้องหากองหน้าตัวใหม่มาแทนแน่นอน ลิสต์รายชื่อที่เข้าข่าย "เอดิสัน คาวานี่" ,"โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้" นึกไม่ออกละครับ เอาแน่ๆ 2 คนนี้ต้องมีแน่ เลวานดอฟ อาจจะยากสักหน่อย แต่ คาวานี่ น่าจะมีความเป็นไปได้เลย

สูตรสอง: ซื้อ "ราดาเมล ฟัลเกา" ปล่อย "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่"

"หลุยส์ ฟาน กัล" อาจทำเซอร์ไพรซ์ปล่อย ลูกรัก ออกจากทีมอย่างที่เห็น ฟาน เพอร์ซี่ เริ่มเข็นไม่ขึ้นและอายุก็เยอะแล้ว แถมสัญญาก็ยังเหลือแค่ 18 เดือน ดูแล้วมีโอกาสไม่น้อยเลยที่ โรบิน จะย้ายออกจริง ๆและเมื่อซื้อ ฟัลเกา แล้วกองหน้าระดับบิ๊กเนมก็ไม่ต้องซื้อแล้ว บอสอ้วน อาจจะดัน "เจมส์ วิลสัน" ขึ้นเต็มตัวไปเลย

สูตรสาม: ไม่ซื้อขาด "ราดาเมล ฟัลเกา" และ  ปล่อย "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่"

เท่ากับว่าจะเหลือระดับบิ๊กคนเดียวคือ "เวนย์ รูนีย์" ที่นี้เราอาจจะได้เห็นทั้ง "เอดิสัน คาวานี่" และ "โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้" อยู่ในทีม แต่ก็ยังไม่แน่ไม่นอน โอกาสสำหรับสูตรนี้ก็มีโอกาสเป็นไปได้เหมือนกัน

อย่างที่ว่าทุกอย่างในทีมปีศาจแดง อยู่ในมือ "หลุยส์ ฟาน กัล" เพียงคนเดียว และก็ไม่มีใครเดาได้ว่าในซีซั่นหน้า "เวนย์ รูนีย์" จะเป็นกองหน้าหรือกองกลาง จะซื้อขาด "ราดาเมล ฟัลเกา" หรือไม่ "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่" จะอยู่กับแมนฯยูต่อไปหรือไม่ ไม่มีใครล่วงรู้

แต่ที่รู้แน่ๆๆกองหน้าแมนฯยูยังยิงกันกระปริบกระปรอยแบบนี้ ซีซั่นหน้าแมนฯยู มีกองหน้า คนใหม่ แน่นอน!!



วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มานูเอล เปเยกกินี่ เส้นทางรักษาเก้าอี้

มานูเอล เปเยกกินี่ หลังจากการพ่ายแพ้คาบ้าน ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ต่อ บาร์เซโลน่า ไป 1-2 ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้า ทำท่าจะต้องตกรอบ แชมป์เ... thumbnail 1 summary

มานูเอล เปเยกกินี่
หลังจากการพ่ายแพ้คาบ้าน ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ต่อ บาร์เซโลน่า ไป 1-2 ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้า ทำท่าจะต้องตกรอบ แชมป์เปี้ยนลีกรอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

นับเป็นปีที่  4 ติดต่อกันแล้ว ที่แมนฯซิตี้ได้เข้าไปเล่นยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก แต่ยังไม่เคยผ่านเข้ารอบได้เกิน รอบ 16 ทีม ได้เลยสักครั้ง ทั้งที่ดูจากขุมกำลังแล้ว ไม่ได้ด่อยกว่ายักษ์ใหญ่ในยุโรปเท่าไหร่ เหตุผลก็น่าจะมาจาก การจัดอันดับ Ranking ทีมที่ทำผลงานในยุโรปได้ดี ทีมยักษ์ใหญ่สีฟ้านี้ จึงมัก ไม่ได้ถูกจับเป็นทีมวาง ส่งผลให้ต้องถูกจัดอยู่ในกลุ่มยากเสมอๆ

แต่นั่น ไม่ใช่เรื่องราวที่จะมาดูกัน วันนี้เราจะมาดูกันถึงสถานะเก้าอี้นายใหญ่แมนฯซิตี้ ของ มานูเอล เปเยกกินี่ ที่ทำท่าจะถูกตะเพิดในไม่ช้าไม่นาน เพราะในเวลานี้ ผลงานของทีม ผีเข้าผีออก ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือยช่วง 2-3 เดือนที่แล้ว ยิ่งสถานการณ์ในพรีเมียร์ลีกตอนนี้ ก็ไม่สู้จะดี

ตามหลัง เชลซี 5 แต้ม ทั้งที่เคยขึ้นไปทาบคะแนนเท่ากันมาแล้ว แต่กลับยืนระยะไม่ได้เป๋ไปเอง ทำท่าจะป้องกันแชมป์ไม่ได้ด้วย ยิ่งการพ่ายบาร์ซ่าเมื่อวานที่ผ่านมา ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก

คนที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆก็คือ ผู้จัดการทีม  การพาทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อซีซั่นที่แล้ว กลายเป็นดาบ 2 คม ให้กับ มานูเอล เปเยกกินี่ ที่ทำให้ซีซั่นต้องกดดันตัวเอง ต้องทำผลงานไม่ให้ต่ำกว่าซีซั่นที่แล้ว

อย่างน้อยๆ 2 ถ้วยที่ทำผลงานต่ำกว่าซีซั่นที่แล้ว ปีที่เป็น แชมป์ลีกคัพ ปีนี้ตกรอบ 4 เอฟเอคัพ ปีนี้ตกรอบ 4 แต่ปีที่แล้วเข้าถึงรอบ 6 ส่อแววที่จะวืดหมดทุกถ้วยในปีนี้

สถานการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่ถูกตะเพิดออกจากเก้าอี้ หลังจากแพ้ วีแกน ในนัดชิงเอฟเอคัพ ทำให้วืดทุกแชมป์เมื่อปี 2012-13 ทั้งๆที่ซีซั่นก่อนหน้า มันชินี่ พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ได้เป็นสมัยแรก

เห็นได้ชัดว่า บอร์ดบริหารเรือใบ ต้องการความต่อเนื่องและ ความสำเร็จในรายการ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ในที่นี้อาจจะไม่ต้องถึงคว้าแชมป์ได้ แต่ก็น่าจะเข้ารอบลึกๆได้เพราะขุมกำลังก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าทีมไหน

ดูเหมือนว่าการป้องแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้จะเป็นหนทางเดียว ที่จะทำให้ เปเยกกินี่ จะรักษาเก้าอี้สีฟ้าไว้ได้ หรือต้องพลิกฟ้าคว้าดาว บุกไปถล่มบาร์เซโลน่าที่ นู แคมป์ เมื่อเปิดทางการแชมป์ยุโรปสมัยแรกให้ได้ นั่นแหละ เขาถึงจะได้ผูกไทด์สีฟ้ายืนคุมลูกทีมต่อในซีซั่นหน้าต่อได้ ..

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รอย คีน เป็นคำตอบสุดท้าย..ครับ

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่าน แมนฯยูออกไปแพ้ให้กับ สวอนซี 2-1 เป็นการพ่ายแพ้ นัดแรกในรอบ 8 นัดของพลพรรคตราอสูรแดง แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงอยู่ในแผง... thumbnail 1 summary


เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่าน แมนฯยูออกไปแพ้ให้กับ สวอนซี 2-1 เป็นการพ่ายแพ้ นัดแรกในรอบ 8 นัดของพลพรรคตราอสูรแดง แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงอยู่ในแผงอำนาจ TOP4 อันเนื่องมาจากการที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ไปได้ ถือว่าโชคดีสำหรับแมนฯยูที่ยังคงอยู่ในเส้นทางไปเล่นเกมยุโรป

ใครจะไปยูซีแอล ไม่ใช่ประเด็นที่จะมาวิเคราะห์ในวันนี้ แต่เราจะวิเคราะห์ถึงการเล่นของ แมนยูฯ ในนัดล่าสุดกัน ถ้าบรรดาสาวกแฟนผี ได้รับชมเกมการแข่งขันกันจริงๆ ก็จะเห็นแล้วว่า นัดที่ผ่านมา เล่นดีมากในรอบหลายนัด การเคลื่อนที่ การขึ้นบอล ต่อบอล ดูรวดเร็วกระปรี้กระเป่า อย่างเห็นได้ชัด

สาเหตุอาจจะพิสูจน์ไม่ได้ แต่ก็น่าจะมาจาก การจัดทัพที่ลงรูปลงรอยของ บอสคางทูม ในรอบหลายๆๆๆนัด ที่เอา อันเดร์ เอร์เรร่า  ลงมาเล่นมิดฟิลด์ และ ดัน เวนย์ รูนีย์ ขึ้นไปเล่นมิดฟิลด์ตามธรรมชาติ พร้อมกับดร็อป ราดาเมล ฟัลเกา ผลการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้แมนฯยูเล่นดีผิดหูผิดตา

ดูได้จากประตูขึ้นนำของ ปีศาจแดง การหลุดทะลุขึ้นมาของ ลุก ชอว์ ทางซ้ายก่อนจะปาดเข้ากลางให้ เวนย์ รูนีย์ แตะกลับมาให้ อังเคิล ดิ มาเรีย จ่ายมาให้ อันเดร์ เอร์เรร่า ที่ยืนโล่งๆซัดเข้าไป อย่างงดงาม กลายเป็นประตูที่มีการประสานงานอันยอดเยี่ยมประตูนึงในซีซั่นนี้

แต่หลังจากนำได้ไม่ถึง 2 นาที แมนฯยูโดนตีเสมอ จากการโฉบเข้ามายิงของ คิ ซุง ยอง ที่มาจากการเปิดของอดีตเด็กหงส์อย่าง จอนโจ เชวีย์ ว่าไปลูกนี้ต้องยอมจริงๆ เพราะเป็นการแบบไซส์เข้าหาโกล์แบบได้น้ำหนักเหมาะเจาะจริงๆ ทำให้ประกบตัวได้ยากด้วย

ถึงตรงนี้อ่านมา หลายคนคงอะไร เกี่ยวกับหัวข้อบทความตรงไหนฟระ!! ลูกที่สองที่แมนฯยูเสียประตูจนนำพาให้พ่ายแพ้ไปเนี่ยแหละ เกี่ยวเต็มๆๆๆ แมนฯยูเริ่มต้นครึ่งหลังด้วยการพับสนามบุก เรียกได้ว่า พับทบแล้วทบเล่า พับอยู่ข้างเดียว แต่ก็ทำประตูสวอนซีไม่ได้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยิงทิ้งยิงขว้าง ยิงเป๋แบบไม่น่าให้อภัย แถมกองหลังสวอนซีอย่าง แอชลีย์ วิลเลี่ยม ยังมาองค์ลงอีก

บุกอยู่ข้างเดียวจนถึงกระทั่งนาทีที่ 72 สวอนซีโต้กลับ คิ ซุง ยอง จ่ายบอลให้ จอนโจ เชวีย์ ที่ยืนอยู่ว่างงงงง เยื้องทางซ้ายหัวกระโหลก ซัดตูมเดียว แฉลบ แอชลีย์ วิมเลี่ยม เข้าประตูไป พอจะตะงิดๆหรือยังครับ ว่าเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องยังไง

พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่รับผิดชอบของใคร?? กองกลางตัวรับ หาย ยังไงครับ ดาเลย์ บลินด์ หลุดตำแหน่งถล่ำลำลึกไปทางทางขวา เปิดพื้นที่เป็นไร่ๆ ให้คู่แข่ง บลินด์ ถูกยกย่องเป็นอย่างมากในเรื่องการคุมเกม ออกบอล เก็บบอล แต่เรื่องเกมรับ มีหลายครั้งๆที่เขาหลุดตำแหน่ง เข้าบอลไม่ได้เปรียบเหมือน ไมเคิล คาร์ริก พูดง่ายๆเขายังไม่นิ่งเท่าคาร์ริก

แมนฯยู มีมิดฟิลด์เกมรับสไตล์ Deep-lying Playmaker ทั้ง ไมเคิล คาร์ริก ดาเลย์ บลินด์  แต่ไม่มีสไตล์ Defensive โดยเฉพาะเลย!!  เชลซีมี เนมานย่า มาติช ที่คอยเป็นตัวกวาดบอล แท็คเกิ้ลหนักๆ ให้ เช่นดียวกับแมนฯซิตี้มี เฟอร์นานโด

บอสคางทูม ก็เคยบอกเอาไว้ว่า เกมรับของเขาทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ที่เสียประตูบ่อยๆก็เพราะ บอลมันมาถึงกองหลังเร็วเกินไป ไม่มีคนชะลอ ด้วยเหตุนี้บางที ทีมควรจะมีมิดฟิลด์ตัวรับแบบ Aggressive เฉพาะทางอยู่ในทีมและนับจาก รอย คีน แมนฯยูก็ไม่มีนักเตะประเภทนั้นอยู่ในทีมเลย


ฉะนั้น มิดฟิลด์ตัวรับแบบ รอย คีน อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายให้กลับแท็คติกของ หลุยส์ ฟาน กัล ก็เป็นได้..

วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2558

ราดาเมล ฟัลเกา เสือสิ้นลาย หรือ ถูกทำร้ายโดยคนเลี้ยง

เกิดเป็นประเด็นลุกลามใหญ่โต เมื่อ "ราดาเมล ฟัลเกา" ถูกตัดชื่ออกจากทีม ไม่มีแม้กระทั่งชื่อเป็นตัวสำรอง กับเกมที่แมนฯยู พ่าย เซาแฮ... thumbnail 1 summary

เกิดเป็นประเด็นลุกลามใหญ่โต เมื่อ "ราดาเมล ฟัลเกา" ถูกตัดชื่ออกจากทีม ไม่มีแม้กระทั่งชื่อเป็นตัวสำรอง กับเกมที่แมนฯยู พ่าย เซาแฮมป์ตัน คาบ้าน 0-1 !!!

สำหรับ "ราดาเมล ฟัลเกา" มันน่าเจ็บใจตรงที่ว่า หลุยส์ ฟาน กัล เลือก "เจมส์ วิลสัน" กองหน้าดาวรุ่งก่อนเขาทั้งๆที่เขาก็ฟิตสมบูรณ์ดี เรียกได้ว่า จะยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้าร้อยล้าน อะไรมาอ้าง กองหน้าระดับ ฟัลเกา ก็ไม่น่าจะถูกตัดออกจากทีมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้

ผลงานของแมนฯยูก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แล้วยิ่งมีประเด็นภายในทีมมาเพิ่มอีก แบบนี้มีผลกระทบแน่ๆ หลุยส์ ฟาน กัล ทำตัวเองแท้ๆ

แล้วอะไรคือ เหตุผล ที่ ฟาน กัล ดรอป ฟัลเกา ..?

เขาพูดประมาณว่า เขาอาจต้องเปลี่ยน "ลุค ชอว์" และ "ดิ มาเรีย" ในระหว่างเกม เพราะทั้งสองคนยังไม่ฟิตดี และเหลืออีก 1 ตำแหน่ง ที่อาจเปลี่ยนนักเตะลงไปแก้เกมหากเป็นรอง….. งงไหมล่ะครับ คือว่าไม่มีเหตุผลมากพอเลย กับการตัดชื่อ ฟัลเกา ออกไปดื้อๆ อย่างน้อยน่าจะเป็นตัวสำรอง

พูดกันตามตรง ฟัลเกา จุดๆนี้เก่งกว่า ดีกว่า "เจมส์ วิลสัน" ซึ่งยังเป็นดาวรุ่งอยู่ เหตุครั้งนี้มันจึง มีอะไรในกอไผ่ มากกว่าแท็คติกการเปลี่ยนตัวแน่นอน

ฟัลเกา อย่างที่รู้ดีว่า เขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า มาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหัวเข่าถือว่าเป็น จุดที่ร้ายแรงมาก เมื่อกลับมา มักจะไม่เหมือนเดิม หรือใช้เวลาในการเป็นคนเดิมนานมาก ซึ่งเขาก็ยังเจ็บออดๆแอดๆอยู่ และหลายนัดที่เขาดูเหนื่อยๆ จังหวะการเล่นดูลนๆ ไม่เหมือนสมัยที่อยู่แอตฯ มาดริด

อย่าลืมว่า พรีเมียร์ลีก ขึ้นชื่อว่าเป็นลีกที่ยากและปราบเซียนมานักต่อนัก แต่ ฟัลเกา เลือกที่จะย้ายมาตอนที่เขาเพิ่งหายเจ็บไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดี ถือว่าเสี่ยงครั้งใหญ่เหมือนกัน หากเขายังอยู่ที่ฝรั่งเศส กับ โมนาโกต่อ และค่อยๆเรียกฟอร์มเก่งกลับมา และค่อยย้ายมาพรีเมียร์ลีกในฟอร์มที่ดีที่สุด ก็น่าจะทำให้เขา ไม่ถูกดรอปแบบนี้ก็ได้

ที่เขียนไป มันคงเป็นเหตุผลนึง ที่ "หลุยส์ ฟาน กัล" ดรอปเขาออก ก็เพราะ ฟาน กัล คาดหวังกับ ฟัลเกา มากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ในหัวของ ฟาน กัล น่าจะมีแต่ภาพ ฟัลเกาสมัยที่อยู่แอตฯมาดริด

การดรอป เป็นสัญญาณเตือนกลายๆว่า คุณยังเล่นได้ไม่ดีนะ คุณยังทำได้ดีกว่านี้นะ อะไรประมาณนี้ ประมาณว่ากระตุ้นให้ทำผลงานให้ดีกว่านี้

แต่ก็นั่นแหละอย่างที่พูด ต่อให้ ฟัลเกา มีฟอร์มเลวร้ายยังไง เขาไม่ควรถูกตัดชื่อออกจากทีม เสือยังไงก็เป็นเสือ แต่ หลุยส์ ฟาน กัล โยนเขาทิ้งเหมือนโยนแมวออกหน้าต่างบ้าน วันอาทิตย์นี้กับ QPR คือบทสรุปของทุกอย่าง ถ้าฟัลเกากลับมาเป็นตัวจริง อนาคตในสีเสื้อแมนฯยูยังมี แต่ถ้าไม่......

                                   เตรียมหา เบอร์ 9 คนใหม่กันได้เลย

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

แมนฯยู เซ็นฟรี บิคตอร์ บัสเดส มีนัยยะอะไร?

แมนฯยู เปิดตลาดเดือนมกราคม ด้วยการเซ็นสัญญาฟรี บิคตอร์ บัลเดส ด้วยสัญญา 18 เดือน หลังจากที่ บัลเดส ได้เข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับแมนฯยูอยู่ 2 เดื... thumbnail 1 summary

แมนฯยู เปิดตลาดเดือนมกราคม ด้วยการเซ็นสัญญาฟรี บิคตอร์ บัลเดส ด้วยสัญญา 18 เดือน หลังจากที่ บัลเดส ได้เข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับแมนฯยูอยู่ 2 เดือน ซึ่งจริงแล้วแมนฯยูจะเซ็นสัญญากับ บัลเดส เมื่อไหร่ก็ได้ แต่เพิ่งจะมาเลือกเซ็นในช่วงเดือนมกราคม
มีนัยยะอะไร? หรือไม่มีเลย

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า บิคตอร์ บัลเดส ไม่ได้มีฝีมือเป็นรองใคร ในสมัยที่เขาอยู่กับบาร์เซโล่น่า แต่เขาต้องตกอยู่ในภายใต้ร่มเงาของ อีเคร์ กาซิยาส เสมอในทีมชาติสเปน เทียบกับ ดาวิด เด เคอา ฝีมือพอๆกัน เพียงแต่ตอนนี้ เด เคอา อยู่ในฟอร์มที่ดีสุดของตัวเอง

พูดง่ายก็คือว่า บิคตอร์ บัลเดส ด้วยวัย 32 ปีสามารถเป็นตัวจริงให้ทีมระดับท็อปของยุโรป ได้สบายๆเลย ซึ่งนักเตะระดับนี้เมื่อมีโอกาสเซ็นสัญญา เชื่อว่า เป็นทีมอื่น ทีมอื่นก็เซ็นไม่เฉพาะกับแมนฯยู

แต่มันมีนัยยะเล็กๆ ก็เพราะว่า ดาบิด เด เคอา ที่ตอนนี้เหลือสัญญากับแมนฯยูไม่ถึง 2 ปี และก็ยังไม่มีท่าทีจะเซ็นใหม่แต่อย่างไร และมีข่าว รีล มาดริด ตามจีบไปเป็นตัวตายตัวแทน กาซิยาส อยู่เนื่องๆ เพราะ ดูแล้วจะหาใครที่เหมาะสมจะมาแทน กาซิยาส ได้ดีเท่า เค เคอา ไม่มีแล้ว

แต่แมนฯยูไม่มีทางที่จะปล่อย ดาบิด เด เคอา แน่ๆ แต่เหตุที่เขายังไม่ต่อสัญญา น่าจะมาจากสาเหตุที่ เขาก็กำลังทำผลงานได้ดีอยู่ในขณะนี้ ทำให้เอเยนต์สามารถต่อรอง เรียกราคา เงื่อนไขต่างๆ ได้อยู่ จึงยังเล่นตัวไม่ต่อสัญญา

การเซ็น บัลเดส อีกนัยนึงจึงเป็นเหมือนการกดดัน เด เคอา ในทางอ้อม ให้รีบต่อสัญญา ประมาณว่า เอ็งไม่ต่อไม่เป็นไร ข้ามีคนแทนแล้ว อะไรประมาณหนึ่ง แต่ยังไง เด เคอา ก็คงต่อสัญญาแน่ๆ

เพราะ เขาไม่มีท่าที ไม่มีความสุขกับแมนฯยู อีกทั้งในช่วง 2 ปีหลัง มีเพื่อนชาติเดียวกัน อย่าง มาต้า เอร์เรร่า มาอยู่ด้วย และการย้ายมาอยู่กับแมนฯยู ทำให้เขาพัฒนาฝีมือมากขึ้นจนติดทีมชาติสเปนไปแล้ว จะมาลาจากกันง่ายๆก็ไม่ใช่เรื่อง แถมเขายังเคยเล่นให้กับ แอตฯ มาดริด การย้ายไป รีล มาดริด อาจทำให้เขาคิดหนัก

และประเด็น การย้ายทีมน่าจะตกลงไป เมื่อ เขา ถูกส่งลงตัวจริง ในเกม เอฟเอ คัพ กับ เยโอวิลล์ ทาวน์ ซึ่งเป็นทีมจากลีกทู นี่เป็นการบอกทุกอย่าง ทั้งอนาคตของ ดาบิด เด เคอา ทั้งการเซ็น บิคตอร์ บัสเดส และ อนาคตของ อันเดร์ ลินเดการ์ด

การส่งประตูมือ 1 ลงเล่นกับทีมอันดับสุดท้ายของลีกวัน เป็นการบ่งบอกว่า หลุยส์ ฟาน กัล ไม่ไว้ใจ อันเดร์ ลินเดการ์ด เลยแม้แต่นิดเดียว ต้องบอกอย่างนั้น เพราะ ซีซั่นนี้เขายังไม่ลงเล่นเลยแม้แต่ เกมลีกคัพ กับ เอ็มเค ดอนส์ นี่คือ เหตุผลหลักในการเซ็น บัลเดส อย่างแท้จริง

แต่ที่ ไม่รีบเซ็นก็เพราะว่า บัลเดส ได้รับบาดเจ็บหนักมา และ แมนฯยูก็ตกรอบ ลีกคัพ ไปแล้ว แถมไม่มีเกมยุโรปให้เล่น ดาบิด เด เคอา จึงไม่ถูกใช้งานหนักเกินไป

สรุป การเซ็น บิคตอร์ บัลเดส มีเหตุผล 2 อย่าง คือ กดดันให้ เด เคอา ต่อสัญญาในทางอ้อม และจากการที่ ยืนสัญญาให้ บัลเดส ปีครึ่งไม่ใช่ปีเดียว ก็เพราะ หลุยส์ ฟาน กัล มองถึงซีซั่นหน้าที่ แมนฯยูน่าจะเกมยุโรปให้เตะ จึงต้องมีประตูมือสองฝีมือดีในทีมไว้คอยสลับเปลี่ยน บัลเดส เลยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด นั่นเอง..