วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โค้ชตัวจริง? ของรีล มาดริด

เรีบยร้อยกันไปแล้ว สำหรับ คาร์โล อันเชลอตติ ที่ถูก ฟลอเรนติโน่ เปเรซ สั่งปลดจากนายใหญ่ ราชันชุดขาว หลังจากฤดูกาลที่ล้มเหลว ไม่มีแชมป์ติดไม้ต... thumbnail 1 summary
เรีบยร้อยกันไปแล้ว สำหรับ คาร์โล อันเชลอตติ ที่ถูก ฟลอเรนติโน่ เปเรซ สั่งปลดจากนายใหญ่ ราชันชุดขาว หลังจากฤดูกาลที่ล้มเหลว ไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือ

UEFA Super  Cup กับ Fifa Cup World Cup ถือซะว่าเป็นผลพวงจาก ลา เดซิม่า เมื่อฤดูกาลก่อนละกันครับ

นับตั้งแต่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ถูกเลือกเป็นประธานสโมสรรอบที่ 2 เมื่อปี 2009 ใช้โค้ชไปแล้ว 3 คน ในรอบ 6 ปี มานูเอล เปเยกรินี่ โซเซ่ มูริญโญ และ คาร์โล อันเชลอตติ

3 คนในรอบ 6 ปี ถือว่าเปลืองมั้ย มองกันตรงๆมันก็ไม่ถึงกับเปลืองอะไรมากมาย เป็นไปตามวิถีของทีมใหญ่ ที่ปัจจุบันผู้จัดการทีมมักไม่อยู่นาน ถ้าไม่ถูกสโมสรปลด ก็จะลาออกเอง เนื่องจาก ความกดดันในการคุมทีมใหญ่มันมาก

เป๊ป กวาร์ดิโอล่าร์ วางมือหลังจากประสบความสำเร็จกับบาร์เซ่โลน่า 

จุ๊ปป์ ไฮยเกส์ รีไทร์หลังจากพาบาร์เยิร์นได้ทริปเบิ้ลแชมป์

กลับมาที่ คาร์โล อันเชลอตติ ที่แม้ฤดูกาลที่แล้วจะพาทีมได้ทั้ง โคปา เดอ เรย์ และ แชมป์บอลถ้วยใหญ่ของยุโรปเป็นสมัยที่ 10 ของทีมได้ หลังจากรอมา 11 ปี อย่างยิ่งใหญ่ ลา เดซิม่า นี่เป็นสิ่งที่แฟนๆราชันชุดขาวรอมานาน

และก็เป็นสิ่งที่ โชเซ่ มูรินโญ่ หรือ โค้ชอีกหลายคนก่อนหน้าเขาทำไม่ได้ด้วย

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ เปเรซ เห็นความดีในครั้งนั้นได้ สั่งปลดไปแบบไว้หน้า ถ้ายังจำกันได้ ปีสุดท้ายของโชเซ่ มูริญโญ่ มีปัญหาภายในทีมมากมาย เริ่มจาก มูริญโญ่ มีปัญหากับ อีเคร์ กาซิยาส ลามไปถึง เซอร์จิโอ รามอส แม้กระทั่งนักเตะชาติเดียวกันอย่าง เปเป้ และ โรนัลโด้ ก็ไม่เว้น

เมื่อ คาร์โล อันเชลอตติ เข้ามา ทุกอย่างก็จบและคลี่คลายไปในทางที่ดี และทุกคนต่างก็คิดกันว่า เขานี่แหละ คือ คนที่เหมาะสมสำหรับ รีล มาดริด ทั้งฝีมือและคาเรคเตอร์ คือ เดอะ วัน ที่ รีลมาดริดตามหาอย่างแท้จริง

แต่ก็ไปไม่รอด เช่นผู้จัดการทีมคนอื่นๆ..




เชื่อว่าแฟนๆหลายคนไม่พอใจแน่นอน ที่ คาร์โล ต้องลาทีมไป และก็ไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิมอีกเมื่อ ราฟาเอล เบนิเตช จะถูกเชิญตัวมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ 

คำถามคือ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ คิดอะไรอยู่?

ผมเชื่อว่า ราฟาเอล เบนิเตซ ไม่ใช่คนที่ ท่านประธานเปเรซ อยากได้ แต่เป็นเพราะเขาไม่มีตัวเลือกอื่นแล้วตั้งหาก ผู้จัดการทีมระดับ Top Class ก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว คาเปลโล่ มูรินโญ อันเชลอตติ คนอื่นตอนนี้ยังมีงานกันอยู่ คนที่มีข่าวมานานอย่าง โยอาเคิม เลิฟ ก็ยังติดสัญญากับ ทีมชาติเยอรมัน อันโตนิโอ คอนเต้ ก็คุมอิตาลีอยู่

ท่านประธานเปเรซ คงจะเริ่มมองไปที่ถ้วยแชมป์ ลาลีกา ที่ปล่อยให้ทีมอื่นได้ไปครอง บาร์เซโลน่า ยังพอทำใจ แต่การเห็นเพื่อนบ้านอย่าง แอตฯ มาดริด ปาดหน้าไปครอง คงกวนใจท่านประธานเปเรซ ไม่น้อย

และเชื่อว่า แชมป์ลีกนี่เองที่ทำให้ คาร์โล อันเชลอตติ ต้องตกงาน ซีซั่นที่แล้วเขาพาทีมได้ อันดับ 3 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ รีล มาดริด จบต่ำกว่า รองแชมป์ 

มาฤดูกาลนี้ ได้ที่ 2 เก็บไปถึง 92 คะแนน แต่ทีมแพ้ไป 6 นัด แพ้มากที่สุดในรอบ 6 ปี จุดตายของ อันเชลอตติ เลย

และที่สำคัญคือ ราฟาเอล เบนิเตซ เคยได้แชมป์ ลาลีกา มาแล้วกับ บาเลนเซีย ถึง 2 สมัย การันตีได้ในระดับหนึ่ง แชมป์ยุโรปก็ได้มาแล้วกับลิเวอร์พูล นั่นคือสิ่งที่ เจอร์เก้น คลอปป์ แคนดิเดตยังทำไม่ได้ และหลายคนยังไม่รู้ เขาเคยคุม รีลมาดริด ชุด U-19 ได้แชมป์ลีกมาแล้วสมัยเริ่มงานโค้ช

เอล ราฟา จึงเป็นตัวเลือกที่หาได้ดีที่สุดในตอนนี้ 

แต่ก็อย่างที่บอก ราฟาเเอล เบนิเตซ ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ต้องการจริงๆ หลังจบ ยูโร 2016 ปีหน้า เชื่อว่าอาจจะมีโค้ชหลายๆคนว่างงาน โยอาเคิม เลิฟ ถ้าเยอรมันได้แชมป์ยูโร เขาอาจจะวางมือทีมชาติ อันโตนิโอ คอนเต้ จับพลัดจับพลู อิตาลีไม่ประสมความสำเร็จในยูโร เขาก็อาจลาออกก็ได้

หรือตัวเลือกสุดเซอร์ไพรซ์อย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ ที่เริ่มจะถูกแฟนบอลปืนโตวิจารณ์ว่าหมดมุกแล้ว ก็อาจจะว่างงานจริงๆก็ได้

ราฟาเอล เบนิเตซ มีเวลาอย่างน้อย 1 ฤดูกาล ระหว่างแชมป์ลาลีกา กับ แชมป์ยุโรปสมัยที่ 11 แชมป์ใดแชมป์หนึ่ง ถึงจะเป็นเกราะป้องกันภัยอันตรายต่อเก้าอี้เขาได้

มิเช่นแล้วเขาอาจจะเป็น ผู้จัดการทีม คนที่ 4 ในรอบ 7 ปีที่ถูกปลดจากนายใหญ่ โลส บลังโกส ก็เป็นได้

ตัดเกรด อาจารย์หลุยส์

ภารกิจลุล่วง  .. แมนฯยูได้ไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปแน่นอนอนแล้ว หลังจาก ลิเวอร์พูล แพ้ คริสตัล พาเลซ คาบ้าน 1-3 ทำให้อับดับคะแนน ขาดไปแล้ว ... thumbnail 1 summary
ภารกิจลุล่วง .. แมนฯยูได้ไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปแน่นอนอนแล้ว หลังจาก ลิเวอร์พูล แพ้ คริสตัล พาเลซ คาบ้าน 1-3 ทำให้อับดับคะแนน ขาดไปแล้ว

เป้าหมาย Top 4 แมนฯยู ลุล่วงสำเร็จไปแบบระทึกใจไม่น้อย หลายคนบอกว่าเพราะ ทีมคู่แข่งพลาดเอง ไม่ใช่แมนฯยูเล่นดี นั่นก็ส่วนนึง

แต่อย่างน้อยต้องให้เครดิต หลุยส์ ฟาน กัล ในฐานะผู้จัดการทีม

ย้อนกลับไปฤดูกาลที่แล้ว แมนฯยู นี่พังไปแล้วนะครับ จากแชมป์ เดวิด มอยส์ พาลงมากลางตารางแบบเหลือเชื่อ เล่นในบ้านนี่แพ้เอาๆ ไม่มีใครกลัวแมนฯยู เล่นน่าเบื่อ ไม่เหลือความหวังอะไรให้แฟนๆแล้ว




แต่ชายชื่อ หลุยส์ ฟาน กัล ที่เข้ามาแทนพร้อมกับดีกรี แชมป์ 3 ประเทศ 

และก่อนจะมาคุมแกก็โชว์ฝีมือก่อนซะด้วยในบอลโลก ปลุกความหวังของของสาวกแมนฯยูอีกครั้ง (ในตอนนั้น) จากการโชว์ฝีมือในการพาเนเธอร์แลนด์ ไปถึงอันดับ 3 ฟุตบอลโลก หลายๆคนเห็นอาจารย์หลุยส์โชว์กึ๋นในบอลโลกแล้วยิ้มกันเป็นทิวแถว

และอาจารย์หลุยส์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเขาเริ่มงานกับแมนฯยูในช่วงปรีซีซั่น อุ่นเครื่อง 6 นัด ชนะทั้งหมด พาแฟนๆหวังไปไหนต่อไหน

การซื้อตัวของอาจารย์ก็ถึงใจถึงอารมณ์แฟนๆซะด้วย อังเคล ดิ มาเรีย ราดาเมล ฟัลเกา สองคนนี้ถ้าอยู่ในยุค ป๋าเฟอร์กี้ ป๋ามอยส์ รับรองไม่ได้เห็นแน่นอน

ยุคอาจารย์หลุยส์ ขอแค่นักเตะมีใจ ค่าตัวจะ 100-200 ล้านปอนด์ อาจารย์หลุยส์ระเบิดคลังเละเทะ
             
ถึงตรงนี้จบฤดูกาล นักเตะที่ซื้อมา "เกือบ" จะไม่มีใครเล่นไม่คุ้มค่าตัวสักคน เว้น ดิ มาเรีย ไว้คน ส่วนราดาเมล ฟัลเกา นี่ก็ต้องให้เครดิตอาจารย์หลุยส์เต็มๆ เพราะเขาแค่ ยืมตัว ไม่ได้ซื้อขาด ถ้าซื้อขาดป่านนี้โดนถล่มเละเทะไปแล้ว

เอาล่ะจบภาคปรีซีซั่นไปแล้วกลับมาที่ ของจริง แมนฯยูเปิดซีซั่นด้วยการแพ้สวอนซีคาบ้าน เรียกได้ บรรลัย นะครับ หลังจากชนะรวดนัดปรีซีซั่นดันมาแพ้เฉย 3 นัดไม่ชนะเลย อารมณ์แฟนๆเหมือนถูกพาเขาภูเขาแล้วถูกผลักตกลงมา

ช่วงปรีซีซั่นไม่มีความหมาย มีค่าอะไรสำหรับอาจารย์ เพราะตั้งแต่เปิดซีซั่น มาจนถึงเกือบท้ายฤดูกาลเขายังหา แผนการเล่น ที่เหมาะสมกับทีม ไม่ได้เลย!!

3-5-2      4-2-3-1      4-4-2     4-3-3

จนมาหาแผนที่ลงตัวลงล็อคก็เรื่อยมานัดที่ 29 แล้ว!! ด้วยแผน 4-1-4-1 ที่ใช้จนจบฤดูกาลและแผนนี้นี่เองที่พาแมนฯยูไปเล่นบอลยุโรป

และก็เชื่อว่าซีซั่นใหม่ 4-1-4-1 ไม่ใช่แผนการเล่นของแมนฯยูแน่นอน เปลี่ยนอีกแหละ

และถึงแม้อาจารย์หลุยส์จะหาแผนการเล่นที่ชัวร์เจอแล้ว แต่การวางตัวนักเตะพูดได้เลยว่าเขาไม่เคยหา 11 ตัวจริงที่ลงตัวเจอ สลับสับเปลี่ยนมั่วไปหมด

-อันโตนิโอ วาเลนเซีย ต้องเปลี่ยนมาเล่น แบ็กขวา ถาวร

-เวนย์ รูนีย์ ได้เล่นครบทุกตำแหน่งในกองกลาง ตัวรับ ตัวรุก ตัวโฮลบอล ปีก

-ฮวน มาต้า ต้องเล่นปีกขวากึ่งถาวร

สิ่งดีที่ทำให้แฟนบอลแมนฯยูหลายคนชอบอาจารย์หลุยส์ คือ เขามักฟังเสียงแฟนบอลเสมอ ในตอนที่ยังเล่นหลัง 3 ทีมโดนแฟนบอลตะโกน FOUR FOUR TWO! FOUR FOUR TWO! นัดต่อมาเขาก็เปลี่ยนมาเล่นหลัง4ตามใจแฟน

และมีเหตุการณ์ที่ ทีมกำลังขึ้นรถบัสจะเดินทางไปแข่ง แต่มีแฟนบอลมารอขอลายเซนต์นักเตะ อาจารย์หลุยส์ สั่งให้ ราดาเมล ฟัลเกา ลงรถไปเซ็นให้แฟนบอล ถือว่าเขาเป็นโค้ชที่แคร์แฟนบอลมากๆ

อาจารย์หลุยส์ ใช้เวลา 4 เดือนในการพาแมนฯยูเข้า Top4 โดยตั้งแต่วันที่ 22 พฤจิกายน ปีที่แล้วมาจนจบซีซั่น แมนฯยูไม่เคยหลุดอันดับจาก 4.  

มันน่าเหลือเชื่อนะครับ ตลอด 6 เดือนใน top4 มีหลายครั้งหลายครา ที่แมนฯยูเกือบหลุด แต้มเท่าอันดับ5บ้าง โดนจี้มา1-2แต้มบ้าง แต่ก็ไม่หลุดวงโคจร กดดันสุดๆแต่ก็เอาตัวรอดมาได้

อย่าลืมนะครับว่า เดี้ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่อย่างมากก็มีแค่ 2 ทีมแย่งอับดับ 4 ไม่ อาร์เซน่อล-เอฟเวอร์ตัน ก็ อาร์เซน่อล-สเปอร์

แต่ซีซั่นนี้มีทั้ง แมนฯยู เซาธ์แฮมป์ตัน ลิเวอร์พูล สเปอร์ 4 ทีมที่คอยแย่งชิงพื้นที่กัน มากกว่าทีมลุ้นแชมป์ซะอีก

ส่วนผลงานการเจอกับทีมใหญ่ด้วยกัน ผลงานมินิลีกแมนฯยูก็ดีกว่า มีเพียงเชลซีทีมเดียวที่แมนฯยูเอาชนะไม่ได้ และถ้าใครได้ดูนัดที่แมนนูยูเล่นกับทีมเหล่านี้จะเห็นว่า นี่อาจจะเป็นปีแรกในรอบหลายปีก็ได้ ที่ฟอร์แมนฯยูข่มทุกทีม ตัวอย่างเจอลิเวอร์พูล ซีซั่นนี้เอาชนะไปกลับ แมนฯซิตี้ที่ถึงแม้จะแพ้นัดชนะนัด แต่ฟอร์มที่เจอกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดข่มมิด เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีเลยที่ข่มซิตี้ได้

และหลายคนคงลืมไปว่าซีซั่นนี้ แมนฯยูประสบปัญหา นักเตะเจ็บ เกือบมากที่สุดตั้งแต่เล่นพรีเมียร์ลีกมาบางช่วงเจ็บเกือบทั้งทีม ปัญหานี้ใหญ่นะครับ

อังเคิล ดิ มาเรีย จากฟอร์มดีๆเจ็บไปตอนกลางซีซั่นฟอร์มก็หายไปเลย ลุก ชอว์ ก็เจ็บๆหาย 1นัดดี2นัดเจ็บ ราฟาเอล หายยาวไปจนเกือบลืม ไมเคิล คาร์ริก คนสำคัญที่สุดก็ยังเจ็บๆหายๆ กองหลังก็สลับกันเจ็บ สมอลลิ่ง โจนส์ อีแวนส์ โรโฮ

นี่คือเหตุผลหลักเลยที่ทำให้เขาหา แผนการเล่นที่ลงตัวไม่เจอ และต้องจัดตัวแบบขัดใจแฟนบอล

พูดถึงปัญหานักเตะเจ็บ อาจารย์หลุยส์จัดการปัญหานี้ได้ดีเลยทีเดียว เมื่อเขากล้าดันนักเตะดาวรุ่งอย่าง ไทเลอร์ แบล็กเกตต์ แพคทริก แม็คแนร์ เจมส์ วิลสัน อันเดรีย เปร์ไรร่า และ เจสซี่ ลินการ์ด ขึ้นมา เป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

เด็กๆเหล่านี้ก็เล่นดีสมดาวรุ่ง นับตั้งแต่หมด class of'92 ก็มีปีนี้แหละที่มีดาวรุ่งขึ้นชุดใหญ่กันเยอะ

อาจจะว่าเพราะสถานการณ์บังคับก็ได้ แต่จุดนี้อาจารย์หลุยส์ทำได้ดี

จบฤดูกาลแรกด้วย อันดับ 4 เข้ารอบ8ทีมเอฟเอ แต่ตกรอบ2ลีกคัพ เทียบกับ เดวิด มอยส์ แล้วดูดีกว่าแน่นอน ....... แต่ยังห่างไกลกับมาตรฐาน มอก. ของแมฯยู ที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทำไว้

ถือว่าเป็นความกดดันแฝงของโค้ชแมนฯยูทุกคนต่อจากนี้ ที่จะต้องถูกเอาไปเปรียบเทียบกับ ป๋าเฟอร์กี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และถ้าวัดตามมาตรฐานโค้ชทีมใหญ่ หลุยส์ ฟาน กัล สอบตกอย่างแน่นอน ยิ่งมาตรฐานแมนฯยูแล้ว ถึงกับต้องซ้ำชั้น

เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้วของแฟนๆแมนฯยูที่จะต้องไม่พอใจกับ อันดับ 4 ไม่อย่างนั้นแล้วเราก็จะต้องพอใจอยู่กับอันดับ 4 อย่างนี้ทุกปี เหมือนทีมคู่แข่ง

พาทีมกลับไปเล่นแชมป์เปี้ยนลีกได้ ไม่ให้ F ละกัน เอา D ไป ..