วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วิวัฒนาการ กองกลางแมนฯยูไนเต็ด ภาคแรก

1992-93 Paul Ince & Brian McClair เป็นฤดูกาลแรกที่ พรีเมียร์ลีกก่อตั้งขึ้น และเป็นฤดูกาลแรกที่ เอริก  "เดอะ คิง"  คันโตน่า ย... thumbnail 1 summary
1992-93 Paul Ince & Brian McClair

เป็นฤดูกาลแรกที่ พรีเมียร์ลีกก่อตั้งขึ้น และเป็นฤดูกาลแรกที่ เอริก "เดอะ คิง" คันโตน่า ย้ายจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด เข้ามาร่วมทีม และด้วยการมาของ คิงก็องโต้ ทำให้ "ไบรอัน แม็คแคลร์" ที่เล่นกองหน้าอยู่ก่อนต้องหลีกทางถอยฉากลงมาเล่นเป็นกองกลางคู่ "พอล อินซ์" แทน ปล่อยให้ เอริก คันโตน่า เล่นกองหน้าคู่กับ มาร์ค ฮิวจ์ส และเป็นจุดสิ้นสุดการรอคอย 26 ปี และเป็นจุดเริ่มของตำนานหลายๆอย่าง



1993-94 Paul Ince & Roy Keane


หลังจากได้แชมป์อย่างยิ่งใหญ่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจทุบสถิติเกาะอังกฤษ ดึงตัวมิดฟิลด์หนุ่มหน้ามน(ในเวลานั้น อิอิ) "รอย คีน" มาจาก น็อตติงแฮม ฟอร์เรส เข้ามาเสริมแผงกองกลางให้แน่นขึ้น และมิดฟิลด์ฮาร์ดแมนผู้นี้ก็ก้าวเข้ามายึดตำแหน่งตัวจริงในแผงกองกลาง เหนือรุ่นพี่อย่าง ไบรอัน ร็อบสัน และ ไบรอัน แม็คแคลร์ จับคู่กับรุ่นพี่อย่าง "พอล อินซ์" ได้เป็นอย่างดี






1994-95 Paul Ince & Brian McClair


1 ในฤดูกาลที่น่าผิดหวังของทีม เพราะพลาดแชมป์ลีกให้กับ แบล็กเบิร์น อย่างน่าเสียดาย แผงกองกลาง "พอล อินซ์" ยังคงเป็นตัวเลือกแรกของ ป๋าเฟอร์กี้ ส่วนคู่ขาของเขาในฤดูกาลนี้ กลับไปเป็น "ไบรอัน แม็คแคลร์" ที่ได้รับโอกาสลงเล่นก่อน รอย คีน เสียส่วนใหญ่ 



1995-96 Roy Keane & Nicky Butt

ฤดูกาลนี้ ป๋าเฟอร์กี้โชว์ความอหังการ ขายผู้เล่นชุดใหญ่ไฟกระพริบทั้ง มาร์ค ฮิวจ์ส อังเดร แคนเชสสกี้ และ "พอล อินซ์" กองกลางตัวหลักที่ขายไปให้ อินเตอร์ มิลาน พร้อมกับดันเด็กสร้างชุดเยาวชน "เฟอร์กี้ เบบส์" ขึ้นมาแทน และคนที่ก้าวขึ้นมาแทน พอล อินซ์ ก็คือ "นิคกี้ บัตต์" และไม่ใช่ปัญหาของผู้เล่นวัย 20 ปี รายนี้เขาและผองเพื่อน Class'92 พาทีมคว้าแชมป์ลีกหักปากกาเซียนทั่วเกาะอังกฤษ



1996-97 Roy Keane & Nicky Butt


หลัง Class'92 ถูกดันขึ้นมา ฤดูกาลนี้จึงเป็นฤดูกาลของพวกเขาอย่างแท้จริง เฟอร์กี้ เบบส์ หลายคนตบเท้ายึดตำแหน่งตัวจริงกันอย่างพรึบพรับ "รอย คีน" ยังคงเป็นกองกลางเบอร์ 1 ของทีม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลงเล่นมากนัก เพราะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่และโดนแบนอยู่บ่อยครั้ง "นิคกี้ บัตต์" จึงกลายเป็นกองกลางตัวหลัก โดยมี พอล สโคลส์ จอร์ดี้ ครัฟฟ์ สอดแทรก


1997-98 Nicky Butt & Paul Scholes


เป็นฤดูกาลที่สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เมื่อทีมต้องเสีย รอย คีน ที่เจ็บหัวเข่าไปตั้งแต่ต้นฤดูกาล ป๋าเฟอร์กี้ จึงต้องถอย "พอล สโคลส์" ลงมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางอย่างเต็มตัว คู่กับ "นิคกี้ บัตต์" แม้ว่าจะจบฤดูกาลมือเปล่า แต่ทว่าทั่วทั้งโลกกำลังจะได้เห็น 1 ในกองกลางที่ดีที่สุดของโลกคนนึงแจ้งเกิด


1998-99 Roy Keane & Paul Scholes

เมื่อ "รอย คีน" หายเจ็บกลับมา แน่นอนว่าเขาต้องเป็นตัวเลือกแรกในแดนกลางโดยอัตโนมัติ ตัวเลือกที่สองจึงต้องเป็นการแข่งขันกันระหว่าง นิคกี้ บัตต์ และ "พอล สโคลส์" และก็เป็นรายหลังที่ได้รับโอกาสเป็นตัวจริงมากกว่า พอล สโคลส์ เข้ามาสร้างสมดุลในแดนกลาง และจับคู่กับ รอย คีน ได้อย่างลงตัว คนนึงรุก คนนึงรับ จนกลายเป็นคู่กองกลางที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

**ขออภัยหากมีบางข้อมูลคลาดเคลื่อน

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ใครจะบัญชาการแทน "ไมเคิล คาร์ริค" ?

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า นักเตะที่สำคัญที่สุดของแมนฯยูไนเต็ด ในเวลานี้คือ ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ตัวท็อป อย่าง ซลาตัน ป็อกบา รูนีย์ หรือใครๆ แต่เป็... thumbnail 1 summary
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า นักเตะที่สำคัญที่สุดของแมนฯยูไนเต็ด ในเวลานี้คือ ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ตัวท็อป อย่าง ซลาตัน ป็อกบา รูนีย์ หรือใครๆ แต่เป็น "ไมเคิล คาร์ริค" รองกัปตันของทีม

สถิติของแมนฯยูไนเต็ด ในยามที่มี ท่านรองปลัด ลงสนาม 11 นัด ไม่แพ้ใคร ชนะ 9 เสมอ 2 ยิง 28 เสีย 8 บ่งบอกได้ถึงความสำคัญของมิดฟิลด์ผู้นี้ได้เป็นอย่างดี และกลายเป็นมิดฟิลด์ที่มีอิทธิพลต่อทีมมากที่สุดไปแล้ว 




แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่ายิ่ง ไมเคิล คาร์ริค มีอิทธิพลต่อทีมมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งน่าหนักใจมากเท่านั้น ด้วยวัยของเขาที่ลุล่วงไปถึง 35 ปี จะให้ยืนระยะลงเล่นทุกนัดคงเป็นไปไม่ได้ ถึงเวลาที่ต้องมีใครมาทดแทนเขาเสียที

ปัญหาตัวตายตัวแทน ของท่านรองคาร์ริค ล้วนเป็นปัญหาของแมนฯยูมาตลอดในหลายปีหลัง กุนซือที่ผ่านมา ทั้ง เดวิด มอยส์ หลุยส์ ฟาน กัล หรือแม้แต่ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็มองเห็นถึงปัญหานี้ดี

ถ้าจำกันได้ เป้าหมายแรกสุด ของ เดวิด มอยส์ ที่จะซื้อเข้ามาเสริมทีมก็คือ เชส ฟาเบรกาส แต่สุดท้ายก็ถูก โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เวลานั้นคุมเชลซีอยู่ แย่งไป เป้าหมายที่สอง ติอาโก้ อัลคานทาร่า ก็พลาดให้ บาเยิร์น มิวนิค ไปอีก 

และก่อนหน้าจะโดนปลดไม่เดือน เดวิด มอยส์ ลงทุนบินไปชมฟอร์ม โทนี่ โครส ถึงเยอรมัน หมายมั่นจะนำตัวมาให้ได้ แต่สุดท้ายเขาถูกปลดเสียก่อน ก่อนผู้จัดการคนใหม่จะเข้ามาและเบรกดีลนี้ไป

มิดฟิลด์ตัวกลางหนึ่งเดียว ที่ เดวิด มอยส์ ได้มาก็คือ มารูยาน เฟลไลนี่ มาแทน ซึ่งก็อย่างที่เราเห็นกันว่าเป็นยังไง

มาถึงยุค หลุยส์ ฟาน กัล มิดฟิลด์คนแรกที่เขาซื้อ อันเดร์ เอร์เรร่า ที่ถึงแม้จะเข้ามาเพิ่มมิติในกองกลางได้ แต่ไม่สามารถทดแทน ไมเคิล คาร์ริค ได้ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ พูดง่ายๆ เอร์เรร่า เป็นมิดฟิลด์ บ็อก-ทู-บ็อก มากกว่าตัวรับ

มอร์กาน ชไนเดอลิน เป็นนักเตะอีกหนึ่งรายที่ อาจารย์หลุยส์ เล็งไว้เฉพาะเจาะจงในการนำมาแทน ไมเคิล คาร์ริค ด้วยตำแหน่งกองกลางตัวรับโดยธรรมชาติ แต่ทว่า เมื่อย้ายมากองกลางชาวฝรั่งเศสกลับ
เล่นได้ไม่เหมือนสมัยอยู่ เซาแฮมป์ตัน จนหลุดเป็นสำรองมา 2 ปีแล้ว

บาสเตียน ชไวสไตรเกอร์ ก็เป็นอีกรายที่ กุนซือชาวดัตช์ นำพา แม้จะดูเข้าท่า ด้วยสไตล์การเล่นที่ฉลาดเหมือนกับ ไมเคิล คาร์ริค แต่อดีตกัปตันเยอรมัน นั้นได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และ สภาพร่างกาย ที่เปราะเกินกว่าจะยืนระยะในพรีเมียร์ลีกได้ 


และมิดฟิลด์ที่ หลุยส์ ฟาน กัล ต้องการมากที่สุดอย่าง อาตูโร่ วิดัล ก็ไม่กล้าย้ายมาแมนฯยู ด้วยผลงานของทีมที่กระท่อนกระแท่นในตอนนั้น


มีบางช่วง อาจารย์หลุยส์ พยายามใช้ ดาเล่ย์ บลินด์ หรือ เวยน์ รูนีย์ มายืนเป็นมิดฟิลด์ตัวคุมเกม แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปใช้บริการของ ไมเคิล คาร์ริค อยู่ดี


เข้าสู่สมัยปัจจุบัน โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ทุบคลังเป็นสถิติโลก 89 ล้านปอนด์ กระชากตัว พอล ป็อกบา กลับชายคา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกครั้ง ช่วงต้นซีซั่น โชเซ่ มูรินโญ่ จับ ป็อกบา เล่นมิดฟิลด์ตัวกลางให้เป็นตัวบัญชาการเกม

แต่เล่นไปเล่นมา "ไม่เวิร์ก" ต้องดันขึ้นมาเล่น กองกลางตัวรุก ในระยะหลัง และกลับมาใช้ ไมเคิล คาร์ริค คุมเกมให้ อีกครั้ง อีกคน

เห็นได้ว่า ไมเคิล คาร์ริค มีอิทธิพลอย่างเงียบๆในเกมของแมนฯยูไนเต็ด ตลอด 3 ปี หรือมากกว่านั้น หรือตั้งแต่ พอล สโคลส์ เลิกเล่น


คำถามคือ ใครจะมาแทนเขา? ดูจากลิสต์นักเตะที่แมนฯยู พลาดไปตลอด 3 ปี เรียกได้ว่าแถบหมดตลาดแล้ว เชส ฟาเบรกาส ติอาโก้ อัลคานทาร่า โทนี่ โครส อาร์ตูโร่ วิดัล 4 คนนี้ได้ใครมาก็เล่นแทนได้สบายๆ


โดยเฉพาะ โทนี่ โครส ที่น่าจะเข้ากับแมนฯยู ได้เป็นอย่างดี


แต่ถ้ามองกันดีๆเห็นจะมีอยู่ 1 ราย ที่เหมาะสมจะเข้ามาแทน ไมเคิล คาร์ริก ด้วยประการทั้งปวง นั่นก็คือ "มาร์โก้ แวร์รัตติ" กองกลางตัวคุมเกมของ ปารีส แซงต์ แชงแมง ที่มี "คลาส" มากพอ และสไตล์การเล่นใกล้เคียงกัน อายุก็ยังน้อย


และตอนนี้ได้เวลาที่จะลุยยุโรปแล้วสำหรับเขา ด้วยอายุ 24 ปี เขาไม่ใช่ดาวรุ่งอีกต่อไป ถึงแม้ว่า PSG จะเป็นทีมใหญ่ก็จริง แต่ต้องยอมรับว่า ลีกเอิง ยังสู้ลีกยักษ์อื่นๆของยุโรปไม่ได้ หากเขาอยากก้าวไประดับโลก ต้องย้ายทีม! 


และต้องมา แมนฯยูไนเต็ด เท่านั้นด้วย !!


คลิกเลย >> วิวัฒนาการ กองกลางแมนฯยูไนเต็ด ภาคแรก

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

5 กองหน้าดาวรุ่งฟอร์มร้อน ฤดูกาล 2016 - 2017

พบกับ กองหน้าดาวรุ่งที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างเปรี้ยงปร้างอยู่ในฤดูกาลนี้ 2016-2017 บางรายกำลังเป็นที่จับตาดูของสโมสรยักษ์ใหญ่หลายทีม ขะมีใคร... thumbnail 1 summary
พบกับ กองหน้าดาวรุ่งที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างเปรี้ยงปร้างอยู่ในฤดูกาลนี้ 2016-2017 บางรายกำลังเป็นที่จับตาดูของสโมสรยักษ์ใหญ่หลายทีม ขะมีใครบ้างมาติดตามกัน

** บทความนี้เขียนเมื่อ 11/11/16



1. Andre Silva อังเดร ซิลวา


กองหน้าดาวรุ่งตัวท็อปวัย 21 ปีของ เอฟซี ปอร์โต้ ที่กำลังตกเป็นข่าวกับ แมนฯยู โชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้างกับทั้งสโมสรและทีมชาติโปรตุเกส อยู่ในเวลานี้ โดยในฤดูกาลนี้ 2016-2017 ผ่านไปเกมลีกไปแล้ว 10 เกมยิงไปถึง 7 ประตู เพิ่งถูกเรียกติดทีมชาติโปรตุเกสได้ 4 นัด และยิงได้ 4 ประตู


2. Sebastian Driussi เซบาสเตียน ดริอุสซี่


ศูนย์หน้าดาวรุ่งชาวอาร์เจนติน่า วัย 20 ปี ที่เล่นได้ทั้งหน้าเป้า และหน้าต่ำ ฤดูกาลนี้กับ ริเวอร์ แพลท (ณ เวลาที่เขียน) ลงเล่น 9 นัด ทำไป 7 ประตู นำเป็นดาวซัลโวของลีกอยู่ตอนนี้ เคยตกเป็นข่าวว่า เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ กุนซือสเปอร์ ต้องการตัวอีกด้วย



3. Moussa Dembele มุสซ่า เดมเบเล่




เด็กเทพแดนหน้า วัย 20 ปี ที่หักอกบรรดาทีมใหญ่ยักษ์ ทั้ง ยูเวนตุส แมนฯยู อาร์เซน่อล ลิเวอร์พูล สเปอร์ ย้ายไปร่วมทีม เซลติก แบบเซอร์ไพรซ์ เมื่อตลาดหน้าร้อนที่ผ่านมา ฤดูกาลนี้ลงเล่นใน สก็อตติช พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 11 นัด ยิงไป 7 ประตู พาทีมนำจ่าฝูงอยู่ในเวลานี้


4. Timo Werner ติโม แวร์เนอร์


กองหน้าดาวรุ่งว่าที่ทีมชาติเยอรมัน อายุ 20 ปี เจ้าของค่าตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร อาร์บี ไลป์ซิก (RB Leipzig) รองจ่าฝูงบุนเดสลีกาในเวลานี้ ฤดูกาลนี้ ติโม ลงเล่นไปในลีกไปแล้ว 10 นัด ยิง 5 ประตู พาทีมน้องใหม่เพิ่งเลื่อนชั้นอย่าง ไลป์ซิก ขึ้นรองจ่าฝูงแบบน่าชื่นชม 


5. Enes Unal เอเนส อูนัล


กองหน้าวัย 19 ปี ที่แมนฯซิตี้ ปล่อยยืมตัวไปให้กับ เอฟซี ทเวนเต้ (FC Twente) ฤดูกาลนี้วอนเดอร์คิดทีมชาติตุรกี ลงเล่นเกมลีกไปแล้ว 10 นัด ยิง 8 ประตู นำดาวซัลโว เอเรดิวิชี่ลีก อยู่ในขณะนี้ ต้องรอดูกันต่อไปว่าอนาคตของเขากับแมนฯซิตี้จะเป็นไงต่อ เพราะกุนซืออย่าง เป๊ป ชอบใช้บริการดาวรุ่งอยู่แล้วเป็นทุนเดิม


คลิก>> วิวัฒนาการ กองกลางแมนฯยูไนเต็ด ภาคแรก

คลิก>> 5 กองกลางตัวรับดาวรุ่ง 2016
คลิก>> 5 สามประสานในแนวรุก ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในเวลานี้
คลิก>> 5 นักเตะที่มีโอกาสทุบสถิติค่าตัวสูงสุดในซัมเมอร์นี้ NEW!

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

5 อดีตเยาวชน "ผีแดง" ที่ไปแจ้งเกิดกับทีมอื่น

หลังจากที่แมนฯยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ เบิร์นลีย์ 0-0 แบบเซ็งๆ เพราะถูกอดีตเด็กเก่า ทั้ง ทอม ฮีตัน ผู้รักษาประตู และ ไมเคิล คีน กองหลัง ของเบิ... thumbnail 1 summary
หลังจากที่แมนฯยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ เบิร์นลีย์ 0-0 แบบเซ็งๆ เพราะถูกอดีตเด็กเก่า ทั้ง ทอม ฮีตัน ผู้รักษาประตู และ ไมเคิล คีน กองหลัง ของเบิร์นลีย์ โชว์ฟอร์มดุจภูผาหินต้านทานเกมรุกเอาไว้ได้ แจ้งเกิดกันไปเลย วันนี้เลยรวบรวมบรรดา อดีตดาวรุ่งของแมนฯยูไนเต็ด ที่ไปแจ้งเกิดก็ทีมอื่นๆมาดูกัน



5. Ryan Shawcross

กองหลัง"ฮาร์ดแมน" ของสโต๊ก ซิตี้ เป็นนักเตะอีกรายที่แจ้งเกิดกับ แมนฯยูไนเต็ด ไม่ได้ ได้รับโอกาสลงเล่นในเกมลีกคัพ เพียงแค่ 2 นัด ก่อนจะถูกขายให้ สโต๊ก ซิตี้ เมื่อปี 2007 เขาลงเล่นให้ช่างปั้นหม้อจนปัจจุบันได้เป็นกัปตันทีม และได้รับโอกาสติดทีมชาติอังกฤษเมื่อปี 2012 เคยมีข่าวว่า แมนฯยูไนเต็ด จะดึงตัวกลับมาร่วมทีม แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้น 


4. Michael Keane

ว่าที่กองหลังทีมชาติอังกฤษคนใหม่ ที่กำลังโชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้างอยู่ในปัจจุบัน ได้รับโอกาสลงเล่นเกมลีกเพียงครั้งเดียวโดย หลุยส์ ฟาน กัล ก่อนจะถูกปล่อยตัวให้ เบิร์นลีย์ ในราคา 3 ปอนด์ เมื่อปี 2015 หรือฤดูกาลที่แล้ว ผ่านมาปีเดียว ค่าตัวของเขากำลังเพิ่มเป็น 10 เท่า หลังถูกล็อกเป้าหมายจาก เชลซี ที่กำลังมองหากองหลังคนใหม่ หรืออาจะมีเซอร์ไพรซ์ย้ายกลับแมนฯยู มกราคมนี้จะได้รู้กัน

3. Giuseppe Rossi


กองหน้าดาวรุ่ง ยังเติร์กรุ่นแรกๆในเจเนเรชั่นใหม่ ที่ทำท่าจะพุ่งขึ้นมาแต่ไม่อาจฝ่าด่านอรหันต์ในตอนนั้น ที่มีทั้ง รุด ฟาน นิสเตอรอย เวนย์ รูนีย์ หลุยส์ ซาฮา และ อลัน สมิธ ขวางทางอยู่ โดยถูกปล่อยไปให้ บียาร์รีล และโชว์ฟอร์มยิงกระจายจนติดทีมชาติอิตาลีในเวลาต่อมา และหลังจากเขาก็ยังมีกองหน้าที่ไปไม่ถึงฝันอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ค เฟเดริโก้ มาเคด้า วิล คีน ตามมาเป็นขบวน

2. Gerard Pique


อดีตเด็กฝึกหัดของบาร์เซโล่น่า แต่ถูกแมนฯยูไนเต็ดฉกตัวมาตั้งแต่อายุ 17 ปี และกลายเป็นแข้งเยาวชนอนาคตไกลคนนึงของทีม ด้วยที่ในตอนนั้น แมนฯยูไนเต็ดเองมี คู่เซ็นเตอร์เบอร์1ของยุโรปอย่าง ริโอ-วิดิช จึงเป็นเรื่องยากที่จะสอดแทรกขึ้นมาในทีมได้ พอดีกับทีมเก่าอย่าง บาร์ซ่า ต้องการเซ็นเตอร์แบ็กคนใหม่พอดี ทำให้เขาได้ย้ายกลับบ้านจนกลายเป็นกองหลังระดับโลกในทุกวันนี้



1. Paul Pogba

เป็นที่รู้กันว่า ยอดแข้งค่าตัวแพงที่สุดในโลก 89 ล้านปอนด์ ผู้นี้เป็นอดีตเด็กฝึกหัดของ แมนฯยูไนเต็ด แต่กลับออกไปแจ้งเกิดกับ ยูเวนตุส เพราะในขนาดนั้น พอล ป็อกบา ต้องการโอกาสในการลงเล่น แต่ ป๋าเฟอร์กี้ ไม่สามารถการันตีให้ได้ ประกอบกับการยุยงของ เอเยนต์อย่าง มิโน ไรโอล่า ด้วย ป็อกบาจึงต้องย้ายออกไป ก่อนจะกลับมาอย่างราชาในตอนนี้

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

10 กองหน้ามหากาฬ แห่ง เซเรีย เอ

* Gonzalo Higuain "เอล ปิปิต้า" หรือ ปิป้าน้อย เจ้าของสถิติค่าตัวแพงอันดับ 3 โลก เข้ามาติด ทำเนียบนี้ได้ด้วยที่เราไม่อาจมอง... thumbnail 1 summary



* Gonzalo Higuain

"เอล ปิปิต้า" หรือ ปิป้าน้อย เจ้าของสถิติค่าตัวแพงอันดับ 3 โลก เข้ามาติด ทำเนียบนี้ได้ด้วยที่เราไม่อาจมองข้ามผลงาน ตลอด 3 ปีที่นาโปลี ที่เขายิงประตูถล่มถลาย ร่วมมาถึงฟอร์มการยิงในฤดูกาลนี้กับสโมสรใหม่อย่าง ยูเวนตุส ทำให้เขามีสถิติการทำประตูดีมากๆที่ 0.67 ประตู ต่อนัด และทำท่าจะเป็นนักเตะที่ยิงครบ 100 ลูกได้เร็วที่สุดในลีกอีกด้วย

10. David Trezeguet

"เทรเซโกล" อดีตกองหน้ามหากาฬตำนานของ ยูเวนตุส ในยุคทศวรรตที่ 2000 เขาจับคู่กับ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ พาม้าลายครองอิตาลีอย่างยิ่งใหญ่ และถึงว่าปี 2006 ยูเวนตุสจะถูกปรับตกชั้นไปเล่น เซเรีย บี ดาวิด เทรเซเกต์ ก็เป็น1ในสตาร์ไม่กี่คนที่เลือกที่จะอยู่กับทีมต่อไป และพา ยูเวนตุส กลับขึ้นลีกสูงสุดได้ในปีถัดไป

9. Zlatan Ibrahimovic

แม้จะมาประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แต่ต้องยอมรับว่า เซเรีย เอ คือลีกที่บ่มเพาะเขาจนก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าระดับโลกในทุกวันนี้ เริ่มต้นชีวิตวัยรุ่น ด้วยการย้ายจาก อาแจกซ์ มาร่วมทีม ยูเวนตุส ก่อนจะย้ายไป อินเตอร์ มิลาน ที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดัง จนได้ย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่าในที่สุด

8. Andriy Shevchenko

กองหน้าที่คมที่สุดในยุโรป ช่วงต้นทศวรรตที่ 2000 ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ เอซี มิลาน ได้ทั้ง แชมป์ลีก โคปาอิตาเลีย ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก และตำแหน่งดาวซัลโว ด้วยรางวัลการันตี บัลลงดอร์ปี 2003 ก่อนจะเลือกจบชีวิตการค้าแข้งด้วยการย้ายไปเชลซีในปี 2006

7. Hernan Crespo


อดีตผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก เป็น 1 ในดรีมทีมของ ปาร์ม่า ที่คว้าดับเบิลแชมป์ปี 1999 ก้าวขึ้นมาเทียบรัศมี กาเบรียล บาติสตูต้า ในปลายทศวรรต 90 และสืบทอดตำแหน่งกองหน้าในทีมชาติอาร์เจนติน่าในเวลาต่อมา แม้จะสร้างชื่อในเซเรีย เอ แต่เขามาได้แชมป์ลีกกับเชลซี 

6. Roberto Baggio

"เทพบุตรเปียทองคำ" พระเอกของอิตาลีในช่วงต้นทศวรรตที่ 90 เเป็น 1 ในกองหน้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเซเรีย เอ แต่ผู้คนกลับจดจำเขาในฐานะ ชายที่ยิงจุดโทษข้ามคานจนทำให้อิตาลีพลาดได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1994 และเป็นนักเตะไม่กี่คนที่ลงเล่นให้ทั้ง ฟิออเรนติน่า ยูเวนตุส เอซี มิลาน และ อินเตอร์ มิลาน

5. Gabriel Batistuta


"บาติโกล" สุดยอดกองหน้าตีนระเบิด ที่ขึ้นชื่อเรื่องเท้าหนักและความเฉียบคม ที่เรามักเห็นบ่อยๆได้จากลูกยิงนอกกรอบเขตโทษ ที่พุ่งแสกหน้าผู้รักษาประตูอยู่เสมอ เขาเป็นตำนานของฟิออเรนติน่า แต่กลับมาได้แชมป์ลีกกับ โรม่า ในช่วงท้ายชีวิตการค้าแข้ง

4. Francesco Totti

"ราชันย์หมาป่า" ตำนานที่ยังเล่นอยู่ของ อาแอส โรม่า เขาเป็นเพลย์เมเกอร์ได้ยอดเยี่ยม แต่เป็นกองหน้าได้ยอดเยี่ยมกว่า เขาอยู่ในลำดับ 2 ของทำเนียบผู้ทำประตูสูงสุดของเซเรีย เอ ที่ 247 ประตู จากการลงเล่นกว่า 20 กว่าปี วันแมนคลับคนสุดท้ายที่เราอาจจะไม่ได้เห็นกันอีกต่อไปแล้ว

3. Gunnar Nordahl

สุดยอดตำนานของเอซี มิลาน ผู้ทำประตูมากที่สุดในลีกเซเรีย เอ เป็นอันดับ 3 ที่ 225 จาก 291 นัด เฉลี่ย 0.77 ประตูต่อนัด ดีที่สุดตลอดกาลในเวลานี้ สถิติ 35 ประตูในซีซั่นเดียว ที่ยืนยงมา 66 ปี ของเขา เพิ่งถูก กอนซาโล่ อิกัวฮิน ทำลายได้เมื่อซีซั่นที่แล้วนี่เอง 

2. Marco Van Basten

1 ในศูนย์หน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่โลกฟุตบอลเคยมีมา การยืนตำแหน่ง ลูกโหม่ง ลูกยิงที่เฉียบคม จะแท็บอิน และชงกินเอง ก็ได้ทั้งหมด พิสูจน์จากลูกยิงใบไม้ร่วง ยูโร 88 ที่ 100 จะมีสักคนจะยิงเข้า เรียกว่าเขามีพร้อมทุกอย่างสำหรับกองหน้า จนทำให้ เอซีมิลานในทศวรรตที่ 80 - 90 แทบจะไร้เทียมทานไปเลยก็ว่าได้

1. Diego Maradona

เทพเจ้าแห่งโลกฟุบอล และ ชาวเนเปิลส์ ผู้พลิกประวัติศาสตร์ เซเรีย เอ เขานำพา นาโปลี ขึ้นมาท้าทาย มหาอำนาจของลีกในยุคนั้นอย่าง เอซีมิลาน และ ยูเวนตุส จนสามารถนำทีมจำรึกประวัติศาสตร์ครองแชมป์ เซเรีย เอ ได้เป็นครั้งแรก และเป็นแชมป์ 2 สมัยติดอีกด้วย 

นอกจากนั้นยังมี  อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ,อันโตนิโอ ดินาตาเล่ ,จูเซปเป้ ซินญอรี่ ,โอมาร์ ซิวอรี่ ,ฟิลิปโป้ อินซากี้ ฯลฯ 

คลิกที่นี่>>> 5 อดีตเยาวชน "ผีแดง" ที่ไปแจ้งเกิดกับทีมอื่น
คลิกที่นี่>>> 5 กองหน้าดาวรุ่งฟอร์มร้อน ปี 2016

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

4 นักเตะที่ซื้อซะ...ก่อนจะสาย [FIFA ONLINE 3]

1. Yacine Brahimi ปีกตัวจี๊ดของ FC Porto ด้วยสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกับ ริยาด มาห์เรซ จึง ตกเป็นข่าวกับหลายทีมในพรีเมียร์ลีกในตลาดซื้อขา... thumbnail 1 summary
1. Yacine Brahimi

ปีกตัวจี๊ดของ FC Porto ด้วยสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกับ ริยาด มาห์เรซ จึงตกเป็นข่าวกับหลายทีมในพรีเมียร์ลีกในตลาดซื้อขายที่ผ่านมา ทั้งกับ อาร์เซน่อล ลิเวอร์พูล เชลซี เอฟเวอร์ตัน หรือแม้แต่ยักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่าง บาเยิร์น มิวนิค และด้วยวัยที่เหมาะสมที่จะเติบโต เชื่อได้ว่าอีกไม่นาน FC Porto ต้องเล็กเกินไปสำหรับเขาแน่ๆ


2. Jetro William


แบ็กซ้ายอันดับ 1 ของ เอเรดิวิซี่ลีก ลีกสูงสุดของฮอลแลนด์ และแบ็กซ้ายตัวจริงของทีมชาติฮอลแลนด์ด้วย อายุยังน้อยมีอนาคตไกล ฤดูกาลล่าสุดเป็นเจ้าของสถิติ แอสซิสต์สูงสุดของลีก ครั้งนึง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยต้องการนำเขามาแทน ปาทริซ เอฟร่า ที่แมนฯยูไนเต็ด แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้น โดยในตลาดซื้อขายที่ผ่านมาตกเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล อย่างหนัก อีกไม่นานเขาต้องออกมาลุยยุโรปแน่นอน


3. Mario Lemina

มิดฟิลด์อนาคตไกลของยูเวนตุส ที่ถูกดันขึ้นมาแทน พอล ป็อกบา ที่ย้ายออกไป นักเตะหนุ่มชาวกาบองผู้นี้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของยูเวนตุสในฤดูกาลนี้ได้อย่างเต็มตัว ด้วยความสามารถที่มีอยู่เต็มเปี่ยม และมีรุ่นพี่อย่าง ซามิ เคดิร่า มิราเรม ปานิช คอยแบ่งเบาภาระ ทำให้เขาเล่นอย่างไร้ความกดดัน ไม่แน่ว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ตัวความหวังคนใหม่ของยูเว่แทนที่ พอล ป็อกบา ก็เป็นได้

4. Mauro Icardi




กองหน้าที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของ อินเตอร์ มิลาน ในเวลานี้ กำลังอยู่ในช่วงที่ดีในชีวิตการค้าแข้ง ยิงประตูถล่มทะลาย และยิ่งฟอร์มของ งูใหญ่ ที่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าทีมยักษ์ใหญ่อีกต่อไป อาจทำให้ หัวหอกที่จบสกอร์คมที่สุดในยุโรป เลือกที่จะย้ายทีม โดยมี PSG ที่เสียกองหน้า ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ไปรอรับ โดยคาดการณ์กันว่า ค่าตัวของเขาคงน้อยกว่า กอนซาโล่ ฮิกัวอิน ไม่เท่าไหร่!!

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ป็อกบา เล่นกลางคู่ใครดี?

มิดฟิลด์คนใหม่หน้าเก่า ค่าตัวสถิติโลก พอล ป็อกบา  ที่ว่ากันว่าเป็น  "จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย"  ที่จะนำพาแมนฯยูไนเต็ดกลับมายิ่งใหญ่เป็น... thumbnail 1 summary
มิดฟิลด์คนใหม่หน้าเก่า ค่าตัวสถิติโลก พอล ป็อกบา ที่ว่ากันว่าเป็น "จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย" ที่จะนำพาแมนฯยูไนเต็ดกลับมายิ่งใหญ่เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งนึง

การย้ายทีมของ ป็อกบา ในครั้งนี้จัดว่าเป็นมหากาพย์เรื่องยาวครั้งนึงของการย้ายทีมเลยทีเดียว ดีลยื้อเยื่อ จนแฟนบอลเอียนข่าวกันไปตามๆกัน ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติของการย้ายทีมของซูเปอร์สตาร์และยิ่งเป็นการย้ายทีม จากทีมใหญ่ สู่ ทีมใหญ่ ด้วยกันแล้ว เป็นธรรมดาที่จะยืดยาว แต่เอาล่ะ มันจบไปแล้ว สำหรับการย้ายทีม 




แต่มหากาพย์บทใหม่ของ ป็อกบา กำลังจะเริ่มขึ้น ในนัดต่อไปของพรีเมียร์ลีก นั่นก็คือ เขาจะเล่นคู่กลางกับใคร??

ในแผงมิดฟิลด์แมนฯยูไนเต็ดเวลานี้ ไม่นับตัว ป็อกบา เอง ที่จองตัวจริงๆแน่ๆนอนๆแล้ว 1 ตำแหน่ง ถ้าขาไม่หัก ลงตัวจริงแน่นอน ฉะนั้นจะเหลือโควต้ากองกลางอีก 1 ตำแหน่งให้ คนอื่นแย่งกัน

ไมเคิล คาริก มารูนยัน เฟลไลนี่ อันเดร์ เอร์เรร่า มอร์แกน ชไนดอลิน 4 คนนี้ต้องมาแย่งกันเพื่อไปยืนข้าง ป็อกบา ในสนาม

ในช่วงแข่งอุ่นเตรื่องปรีซีซั่นที่ผ่านมา 4 นัด รวมทั้งนัด คอมมูนิตี้ชิลด์ และ นัดเจอบอร์นสมัธ โชเซ่ มูรินโญ่ ใช้ มิดฟิลด์คู่กลางตัวจริง แทบจะไม่ซ้ำกันเลย

คาร์ริก - เอร์เรร่า 
บลินด์ - เอร์เรร่า 
ชไนเดอลิน - เอร์เรร่า 
คาร์ริก - เอร์เรร่า 
คาร์ริก - เฟลไลนี่ 
เฟลไลนี่ - เอร์เรร่า

แต่สังเกตุได้ว่า อันเดร์ เอร์เรร่า จะได้ลงเป็นตัวจริงมากกว่าคนอื่น เป็นเพราะว่าตำแหน่งที่ เอร์เรร่า เล่นในแท็คติกของ มูรินโญ่ คือมิดฟิลด์ตัวขับเคลื่อนเกม เชื่อมเกมบริเวณตรงกลางสนาม สู่กองหน้า และในบรรดามิดฟิลด์ที่มีอยู่ในขนาดนั้น มีเพียง เอร์เรร่า ที่เล่นตำแหน่งนี้ได้ 

และคาดการณ์กันว่า พอล ป็อกบา ก็จะเขามาเล่นในตำแหน่งนี้ นั่นหมายความว่า อันเดร์ เอร์เรร่า ะตกเป็นสำรองของ ป็อกบา ในตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวเชื่อมเกม ทำให้เราตัด อันเดร์ เอร์เรร่า ออกจากลิตส์ไปได้ 1 คน

ก็จะเหลือ ไมเคิล คาริก มารูนยัน เฟลไลนี่ มอร์แกน ชไนดอลิน

มาดูที่พ่อใหญ่ของทีม ไมเคิล คาร์ริก ผู้อาวุโสสูงสุดในทีม ที่จริงเขาอาจจะต้องอำลาทีมไปแล้ว เพราะ หลุยส์ ฟาน กัล อดีตกุนซือทำท่าจะไม่มอบสัญญาฉบับใหม่ให้ และในนัดสุดท้ายในบ้านของซีซั่นที่แล้ว คาร์ริก ก็จูงลูกจูงเมีย มาโบกลาแฟนๆแล้วด้วย

แต่เมื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาเขาก็มอบสัญญาใหม่ให้ คาร์ริก อีก 1 ปี เหตุผลหลักๆก็คือ เขาต้องการประสบการณ์ของ ไมเคิล คาร์ริก และบารมีของที่คาร์ริกมีต่อทีม เป็นกุญแจสำคัญในการพิชิตใจนักเตะ

ด้วยวัย 35 ปี ไมเคิล คาร์ริก คงไม่ใช่ตัวหลัก ลงเป็นตัวจริงทุกนัดแน่ๆ แต่อาจจะได้ลงท้ายเกม เป็นตัวเก็บบอล ปิดเกม ดังนั้นแล้ว เราสามารถตัด คาร์ริก ออกไปได้อีก 1 คนหนึ่งคน

คู่ชิง มารูนยัน เฟลไลนี่ VS มอร์แกน ชไนดอลิน

ในทุกๆทีมที่ โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมเขาต้องมี มิดฟิลด์ตัวรับที่ไว้ได้เสมอ จะว่ามิดฟิลด์ตำแหน่งนี้เป็นคนที่คอยทำงานสกปรกให้ก็ว่าได้ ตัดเกม ทำฟาวล์ ไล่ประกบ ทำลายเกมคู่แข่ง 

เมื่อครั้งคุม เชลซี เขามี โคล้ด มาเกเลเล่ และ ไมเคิล เอสเซียง
เมื่อครั้งคุม อินเตอร์ มิลาน เขามี เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่
เมื่อครั้งคุม รีล มาดริด เขามี เปเป้
กลับมาคุม เชลซี อีกครั้งเขามี เนมานย่า มาติช

และหลังจากผ่านนัดแรก ที่แมนฯยูบุกชนะ บอร์นสมัธ 3-1 ดูเหมือน มูรินโญ่ จะเทใจไปให้ มารูนยัน เฟลไลนี่ เสียแล้ว ด้วยการที่เขาออกมาพูดว่า "แฟนบอลจะรักเฟลไลนี่แน่นอน" ถ้ามิดฟิลด์หัวฟูเล่นได้เหมือนเกมเจอกับบอร์นสมัธ

ซึ่งมาถึงตอนนี้ ค่อนข้างจะแบบเบอร์ว่า กองกลางที่จะมาคู่กับ พอล ป็อกบา ก็คือ มารูยัน เฟลไลนี่ ที่มีคุณสมบัติครบเลยสำหรับ มิดฟิลด์ตัวตัดเกมในแบบฉบับของ มูรินโญ่

ลูกหนัก ลูกตุกติก เฟลไลนี่ มีทั้งหมด โดยเฉพาะ ศอกที่เป็นอาวุธเด็ด(ฮา) แถมตัวสูงใหญ่ขึ้นไปลุ้นประตูเหมือน เนมานย่า มาติช อยู่ไม่น้อย 

แต่ก็ใช่ว่า มูรินโญ่ จะแทง เฟลไลนี่ หมดหน้าตัก เขายังคงวางเดิมพันกับ มอร์แกน ชไนเดอลิน อยู่หน่อยๆ เห็นได้ว่าช่วงท้ายเกม 2 นัดที่ผ่านมา เขาจะส่ง ชไนเดอลิน ลงมาตลอด 

เหตุผลคือ

1.เพื่อให้เรียกความฟิตด้วย 
2.เขายังหวังให้ชไนเดอลินคืนฟอร์มแบบสมัยเล่นให้เซาแฮมป์ตัน

เพราะมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสผู้นี้ ถือว่าเป็นมิดฟิลด์ตัวตัดเกมธรรมชาติมากกว่า เฟลไลนี่ ที่ตำแหน่งแจ้งเกิดของเขาสมัยเล่นให้เอฟเวอตัน คือ มิดฟิลด์ตัวรุกยืนหลังกองหน้า

มูรินโญ่ ลึกๆแล้วก็ยังเชื่อมั่นในตัว ชไนเดอลิน อยู่ไม่น้อย เพราะเขาปัดโอกาสคว้าตัว เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ทั้งๆที่มีโอกาสตัดหน้าเชลซีได้ แต่ไม่ทำ

ดังนั้นถ้าจะให้ฟันธงว่า ใครจะมายืนคู่ พอล ป็อกบา ? ในตอนนี้น่าจะเป็น มารูยัน เฟลไลนี่ ที่โชว์ฟอร์มประทับใจ โชเซ่ มูรินโญ่ มากที่สุด แต่ถ้าในระยะยาวขอแทงไปที่ มอร์แกน ชไนเดอลิน ถ้าตัวเขาเข้าฟอร์มเมื่อไหร่ เขานั่นแหละ มิดฟิลด์ตัวรับตัวจริง ของ โชเซ่ มูรินโญ่!!

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่แห่ง เซเรีย อา

ในตลาดซื้อ-ขายนักเตะซัมเมอร์นี้ ทีมที่มีสีสันมากที่สุดในตลาดคงหนีไม่พ้น ยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี ที่ข่าวทั้งซื้อ-ทั้งขาย นักเตะตลอดนับต... thumbnail 1 summary
ในตลาดซื้อ-ขายนักเตะซัมเมอร์นี้ ทีมที่มีสีสันมากที่สุดในตลาดคงหนีไม่พ้น ยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี ที่ข่าวทั้งซื้อ-ทั้งขาย นักเตะตลอดนับตั้งแต่ปิดซีซั่นเป็นต้นมา

"เดอะ ซีบร้า" เริ่มช็อตตลาดนักเตะ ด้วยการคว้า มิราเลม ปานิช อดีตจอมทัพของโรม่ามาร่วมทีม แบบสายฟ้าฟาดเลยทีเดียว เพราะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทีมที่ตกเป็นข่าวจะซื้อ ปานิช ไปร่วมทัพไม่เคยมี ยูเวนตุส ส่วนมากเขาจะมีข่าวกับ แมนฯยู หรือ บาร์เซโลน่า

แต่ ยูเวนตุส เป็นม้าลายสุ่ม ระหว่างการเจรจาแทบขะไม่มีข่าวระแคะระคายออกมาเลย ข่าวออกมาอีกที มิราเลม ปานิช ถึง ตูรินตรวจร่างกาย ปิดดีล 32 ล้านยูโร ถือว่าเป็นการซื้อตัวที่เฉียบขาดมากของยูเวนตุส

นักเตะรายที่สองที่ ยูเวนตุส ได้มาร่วมทีมแบบฟรีๆ คือ ดาเนียล อัลเวส ที่หมดสัญญากับบาร์เซโลน่าพอดี อดีตแบ็กขวาบาร์ซ่ารายนี้ แม้อายุจะมาถึง 33 ปี แต่ก็ยังสามารถเล่นในระดับสูงได้สบาย เป็นการเซ็นสัญญาที่เฉียบขาดอีกครั้งของยูเวนตุส ได้ของฟรีที่มีมูลค่า

รายที่สาม เมห์ดี้ เบนาเตีย เซ็นเตอร์แบ็กที่ไปตกอับกลับ บาเยิร์น มิวนิค สมัยกองหลังชาวอัลแบเนีย ค้าแข้งอยู่กับโรม่า เขาถือว่าเป็นเซ็นเตอร์แบ็กอันดับต้นของเซเรียเอ ดังนั้นจึงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก กองหลังของยูเวนตุสที่แกร่งอยู่แล้ว ก็ยิ่งจะแกร่งขึ้นไปอีกแน่นอน

นักเตะรายที่สี่ มาร์โก้ อาปาก้า ปีกดาวรุ่งชาวโครแอต นี่ก็เป็นการซื้อตัวที่เฉียบขาดอีกครั้ง เพราะปีกดาวรุ่งรายนี้ตกเป็นข่าวกับทีมอื่นอย่าง ลิเวอร์พูล และ เอซีมิลาน มาตลอด แต่สุดท้ายยูเวนตุสมาเงียบๆ ออกข่าวอีกที เซ็นแล้ว 19 ล้านปอนด์ เป็นการซื้ออนาคตไปในดีลนี้

และนักเตะรายล่าสุด กอนซาโล่ ฮิกัวอิน เจ้าของค่าตัวแพงที่สุดอันดับ 3 ของโลกคนใหม่ 76 ล้านปอนด์ ที่อาจจะกลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะทำให้ ยูเวนตุส กลายเป็นเจ้ายุโรป 

เป็นเรื่องน่าตกใจที่สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปอย่าง ยูเวนตุส ได้แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ/แชมป์เปี้ยนลีก เพียง 2 สมัย เท่านั้น และสมัยล่าสุดต้องย้อนกลับไปถึง 20 ปี

การที่ ยูเวนตุส ได้ ศูนย์หน้าเบอร์ต้นๆของโลกในปัจจุบันอย่าง ฮิกัวอิน มาร่วมทีม จะทำให้แดนหน้าของพวกเขากลับมาทรงพลังได้อีกครั้ง หลังจากขาดกองหน้าประเภท สไตรเกอร์ แบบนี้มานาน

นักเตะทั้ง 5 คนที่ ยูเวนตุสเซ็นสัญญามาร่วมทีมในฤดูกาลนี้ ล้วนเป็นการซื้อตัวที่ ฉับไว และ เฉียบขาด น่ากลัวมากๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องให้เครดิตแก่ ทีมบริหารของ ยูเวนตุส

ประธานสโมสร อันเดรีย อัญเญลลี่ ลูกชายของอดีตประธานสโมสร อุมแบร์โต้ อัญเญลลี่ ผู้มากบารมี เขาเข้ามาบริหารทีมในปี 2010 ปรับปรุงทีมจนทำให้ยูเวนตุสกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหลังจากโดนคดีล้มบอล 

งานแรก ที่ อันเดรีย อัญเญลลี่ ทำคือการดึง จูเซปเป้ มาร็อตต้า จากซามฟ์โดเรีย มานั่งแท่น ผู้อำนวยการสโมสร (ก่อนที่เขาจะถูกโปรโมตขึ้นเป็น ซีอีโอ ในภายหลัง) และความสำเร็จของยูเวนตุส ก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามา

มาร็อตต้า ในห้วงหลายปีที่ผ่านมาขึ้นชื่อในเรื่องการบริหาร สายตาอันเฉียบแหลม การซื้อตัวนักเตะที่เฉียบขาด นักเตะหลายคนที่เขาซื้อเข้ามา และใช้งานได้อยางคุ้มค่า

เมื่อครั้งที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ประกาศอำลาทีมไปคุมทีมชาติ เมื่อปี 2013 หลังจากพาทีมเป็นแชมป์ เซเรียเอ 3 สมัยซ้อน หลายคนกังวัลใจว่า ยูเวนตุส อาจจะฟุบลงไปอีกครั้ง แต่ทว่ามันก็ไม่เกิดขึ้น

จูเซปเป้ มาร็อตต้า เลือก มักซิมิเลียโน่ อัลเลกรี่ เขามาคุมทีมแทน และกลายเป็นว่าอดีตกุนซือ เอซี มิลาน รายนี้ทำผลงานได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า อันโตนิโอ คอนเต้ เลย และเขายังทำในสิ่งที่ คอนเต้ ทำไม่ได้นั่นก็คือ พาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ได้ด้วยถึงแม้จะอกหัก แพ้ บาร์เซโลน่าไป ในปี 2014

ในอดีต ยูเวนตุส ก็เคยมีผู้อำนวยการสโมสรที่เก่ง แบบ จูเซปเป้ มาร็อตต้า นั่นก็คือ "ลักกี้ ลูเซียโน่" ลูเซียโน่ มอจจี้ มาเฟียให้วงการฟุตบอลอิตาลี ความสำเร็จของยูเวนตุสในยุค 90 เรื่อยมาถึงยุค 2000 ก็มาจากเขาคนนี้เอง ดีลระดับเทพ อย่าง จิจี้ บุฟฟ่อน ลิลิยอง ตูราม ดาวิด เทร์เซเกต์ เอ็ดการ์ ดาวิดส์ และดีลสะท้านโลกันต์ ซีเนอดีน ซีดาน ก็ล้วนมาจาก ลูเซียโน่ มอจจี้

ในสมัยนั้น ยูเวนตุส เป็นทีมที่มีแต่คนไม่ชอบ และตกเป็นเป้าโจมตีว่ากรรมการมักเป่าเข้าข้างอยู่บ่อยๆ และ ลูเซียโน่ มอจจี้ ก็มักถูกโจมตีว่าเป็น มาเฟีย ซื้อนักเตะคนไหนต้องได้

และถ้าเราเปรียบเทียบกันให้ดี 

ยูเวนตุสในยุค ลูเซียโน่ มอจจี้ ทำดีลมูลค่าการย้ายทีมมากที่สุดในโลกในปี 2001 ซีเนอดีน ซีดาน ย้ายไป รีล มาดริด 46 ล้านปอนด์ ที่กลายเป็นสถิติยาวนานถึง 8 ปี

ยูเวนตุสในยุคของ จูเซปเป้ มาร็อตต้า ก็กำลังเจริญรอยตาม ที่กำลังดีลที่มูลค่ามากที่สุดเท่าที่โลกฟุตบอลเคยมีมา พอล ป็อกบา ย้ายไป แมนฯยูไนเต็ด 110 ล้านปอนด์ 

ยูเวนตุส มีบทเรียนมาแล้วจากเหตุการณ์ล้มบอล จูเซปเป้ มาร็อตต้า จะไม่ทำมันซ้ำรอยเดิม และ ยูเวนตุส ก็จะครองอิตาลีไปอีกนานเท่านาน...


วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ใครจะต้องไปจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด?

โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่แห่งแมนฯยูไนเต็ด คนใหม่ กำลังเล็งที่จะโละแข้งส่วนเกินในทัพปีศาจออกไป (บางส่วน) ซึ่งมันเป็นธรรมดาในโลกฟุตบอล เพราะ ผู้จ... thumbnail 1 summary
โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่แห่งแมนฯยูไนเต็ด คนใหม่ กำลังเล็งที่จะโละแข้งส่วนเกินในทัพปีศาจออกไป (บางส่วน) ซึ่งมันเป็นธรรมดาในโลกฟุตบอล เพราะ ผู้จัดการทีมแต่ละคนต่างมีสไตล์การคุมทีมแตกต่างกันออกไป และก็นักเตะที่ชื่นชอบแตกต่างกันออกไปเช่นกัน

ณ เวลานี้ บิ๊กบอสโชเซ่ ซื้อนักเตะเข้ามาใหม่แล้ว 3 ราย และยังไม่หยุดแค่นี้ ต้องมีมาเพิ่มอีกเป็นแน่ แต่นักเตะที่เขาขายออกไปตัวเลขยังเป็น 0 รายอยู่ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ขายใคร เกมอุ่นเครื่องนัดแรก กับ วีแกน ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ จะเป็นวันตัดสินชะตานักเตะบางคนว่า จะได้อยู่หรือไม่





1. ฮวน มาต้า


นักเตะขวัญใจหมายเลข 1 ของแฟนบอลแมนฯยูไนเต็ด เป็นที่รู้กันดีว่าเขาถูกโละจาก เชลซี จากการเป็นส่วนเกินของ บิ๊กบอสโชเซ่ และความสัมพันธ์ของเขากับเฮียมู ก็ไม่ค่อยจะราบลื่น เลยเป็นที่คาดการณ์กันว่าเขา จะเป็นนักเตะรายแรกที่จะถูกโละออกจากแมนฯยูไนเต็ด


และยิ่ง การมาของ เฮนริค มคิทาร์ยาน ที่เล่นทับไลน์กับ มาต้า อย่างจัง อาจจะทำให้เขาต้องสิ้นสุดชีวิตในแมนเชสเตอร์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ถ้ามองย้อนกลับไป.. เหตุหลักที่ มาต้า ย้ายจากเชลซีเมื่อ 2 ปีก่อน หาใช่การไม่ลงรอยกับ เฮียมู


.........แต่เป็นโอกาสในการติดทีมชาติสเปน ไปลุยฟุตบอลโลก 2014


แต่มาในครั้งนี้สถานการณ์ต่างกัน ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ผ่านพ้นไปแล้ว และการลาออกของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ อดีตกุนซือทีมชาติสเปน ที่ค่อนข้างมีอคติกับ นักเตะสเปนที่เล่นในพรีเมียร์ลีก ทำให้อนาคต มาต้า ในทีมชาติสดใสขึ้น


ด้วยเหตุผลนี้อาจจะทำให้ ฮวน มาต้า ตัดสินอยู่สู้และพิสูจน์ตัวเองให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เห็นอีกครั้ง..


โอกาสย้ายทีม 40 %


2. ดาเล่ย์ บลินด์


อาจะเรียกว่านักเตะลูกรักของ หลุยส์ ฟาน กัล ฤดูกาลที่แล้วเขาเป็นนักเตะที่ลงเล่นให้กับ แมนฯยูไนเต็ดมากที่สุด 56 นัด ในตำแหน่งกองหลังตั ทำให้งานก็เสมอตัว 3 นัดดี 4 นัดแย่ วันไหนเล่นดีก็ดีใจหาย วันไหนแย่ก็แย่แบบไม่น่าให้อภัย


และต้องบอกว่าถ้าไม่ใช่เพราะ หลุยส์ ฟาน กัล เขาอาจจะไม่ได้ย้ายมาร่วมทีมแมนฯยู ยิ่งสไตล์การเล่นของเขาที่ดูจะเชื่องช้าและรูปร่างที่บอบบางเกินไป ไม่เด่นไปสักทาง เซ็นเตอร์ก็ไม่เด่น มิดฟิลด์ก็ไม่สุด แบ็กซ้ายก็ไม่ถึงกับดี


ที่สำคัญเขา ไม่ใช่ทั้งมิดฟิลด์ ไม่ใช่ทั้งเซ็นเตอร์ ในอุดมคติของเฮียมู ที่ต้องแข็งแกร่งบึกบึน จะเหลือก็แต่แบ็กซ้ายที่พอจะเล่นได้ แต่เขาจะเบียด ลุก ชอว์ มาร์กอส โรโฮ ปรีซีซั่นได้รู้กัน


โอกาสย้ายทีม 60%


3. บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์


กัปตันทีมชาติเยอรมันผู้นี้ ก็เป็นอีก 1 รายที่ย้ายมาเพราะ หลุยส์ ฟาน กัล โดยอาศัยความสัมพันธ์อันแนบแน่นกันมาก่อนสมัยร่วมงานกับ หลุยส์ ฟาน กัล ที่ บาเยิร์น มิวนิค ชไวนี่ต้องการหาความท้าทายใหม่ ฟานกัล ต้องการมิดฟิลด์มาเติมเต็มแท็คติกการเล่นอันเชื่องช้าของเขา ทุกอย่างจึงลงตัว


แต่เมื่อ มูรินโญ่ เข้ามาทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป แท็คติก มูรินโญ่ ที่ไม่ได้เล่นช้า เหมือน ฟาน กัล ถ้าเป็นเมื่อ 3-4 ปีก่อน ชไวนี่ น่าจะเป็นหลักในแผงมิดฟิลด์ของ เฮียมู ได้ไม่ยาก แต่นี่เขาอายุอานามเข้าหลัก 30 แล้ว สภาพร่างกายไม่สามารถไปวิ่งไล่ฟัดได้เหมือนตอนหนุ่มๆอีกแล้ว


ถามว่า บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ยังมีอนาคตในทีมอยู่ไหม ตอบว่าถ้า ไมเคิล คาร์ริก ยังมีได้ เขามีได้เช่นกัน แต่อาจจะไม่ใช่ฐานะตัวหลัก เหตุผลที่ มูรินโญ จะเก็บเขาไว้ คงมีเพียงให้ประคองน้องๆในทีมมากกว่า


และเปรียบเทียบ ระหว่าง นั่งสำรองกับแมนฯยูไนเต็ด กับ นั่งสำรองกับบาเยิร์น สู้กลับบ้านไปบาเยิร์นดีกว่า ที่เขามีบารมี มีปากมีเสียงได้...


โอกาสย้ายทีม 70%


4. อัดนาน ยานาไซจ์


ทายาทอสูรเบอร์ 11 ของไรอัน กิ๊กส์ อยู่ในจุดหักเหของชีวิตการค้าแข้งตัวเอง เมื่อฤดูกาลที่แล้วที่เขาย้ายแบบยืมตัวไป ดอร์ทมุนด์ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา เมื่อปรับตัวกับทีมใหม่ไม่ได้ ต้องยกเลิกสัญญายืมตัวกลางคัน และเมื่อกลับมาก็สูญเสียสถานะในทีมแมนฯยูไนเต็ดไปด้วย


ฤดูกาลที่แล้ว ก่อนถูกยืมตัวไปเสือเหลือง ยานาไซจ์ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงตลอด 3 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก ทำท่าจะกลายเป็นตัวหลักของ หลุยส์ ฟาน กัล แต่เขาก็ย้ายไปแบบช็อคๆ ทั้งที่ได้เล่นเป็นตัวจริงตลอดต้นซีซั่น


พอกลับมาก็ถูกส่งไปเล่นทีมสำรอง กลายเป็นต้องกลับไปเริ่มใหม่อีกครั้ง.. โอกาสลงสนามในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังจึงไม่มีเลย


ด้วยอายุ 21 ที่เป็นอายุอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ต้องการลงเล่นที่สม่ำเสมอ ถ้าต้องมานั่งสำรองต่อไปก็ไม่ใช่ผลดีแน่ๆ อาจจะดับมอดไปเลย แน่นอนพรสวรรค์ ยานาไซจ์ มีไม่เป็นรอง มาร์กซิยาล แรชฟอร์ด หรือ เดปาย แต่เขาก็ไม่ได้ดีกว่า


ยิ่งตัวเลือกในตำแหน่งปีกตอนนี้มีล้นทีม มาร์กซิยาล ยัง ลินการ์ด เดปาย วาเลนเซีย มคิตาร์ยาน มาต้า หรือแม้แต่ แรชฟอร์ด ก็เล่นได้ เห็นแล้วก็เหนื่อยแน่ ยานาไซจ์ ต้องท็อปฟอร์มจริงๆถึงจะเบียดได้ ดูแล้วมีโอกาสสูงทีเดียว ที่เขาจะต้องไปหาโอกาสลงเล่นจากที่อื่น


โอกาสย้ายทีม 80%







วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559

10 นักเตะที่หล่อที่สุดในยูโร 2016

กีฬาฟุตบอล.. เป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะสาวๆที่เริ่มมาติดตามเชียร์ฟุตบอลกันมากขึ้น และ 1 ในสีสันเหล่านั้นของพวกเธอ คือ #นักบอลหล่อ ... thumbnail 1 summary
กีฬาฟุตบอล..เป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะสาวๆที่เริ่มมาติดตามเชียร์ฟุตบอลกันมากขึ้น และ 1 ในสีสันเหล่านั้นของพวกเธอ คือ #นักบอลหล่อ วันนี้เรารวบรวม 10 นักบอลหล่อ ในศึก ยูโร 2016 ที่จะถึงนี้ให้มาได้ติดตามกัน


Cristiano Ronaldo




ซุูเปอร์สตาร์หมายเลข 1 ของวงการฟุตบอลในยุคนี้ "คริสเตียนโน่ โรนัลโด้" นอกจากเป็นเบอร์ 1 ในสนามแล้ว นอกสนามเขาก็เป็นเบอร์ 1 เช่นกัน เพราะทั้ง Facebook IG Twitter ของเขาล้วนมีผู้ติดตามมากที่สุดในบรรดานักฟุตบอล รวมทั้งเขายังถูกจัดอับดับให้เป็นนักกีฬาที่ เซ็กซี่ มากที่สุดในโลกอีกด้วย



Mats Hummels

ทีมชาติเยอรมัน กลายเป็นทีมชาติที่ฮอตที่สุดในฟุตบอลโลก เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จากการเป็นแชมป์โลก และเรื่องหน้าตานักเตะที่หล่อเหลา "มัสต์ ฮุมเมิ่ลส์" ก็เป็น 1 ในนั้น อดีตกัปตัน ดอร์มมุนด์ เป็นขวัญใจสาวๆ หน้าตาที่หล่อเหลา เป็นกองหลังที่เล่นบอลสง่าผ่าเผย เขาจะเป็นกำลังหลักให้ทีมชาติเยอรมันในยูโร 2016 นี้



Matteo Darmian


แบ็กหนุ่มหน้าใหม่ ทีมชาติอิตาลี "มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน" หลังจากเขาย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก และ อิตาลี นั้นขึ้นชื่อเรื่องผู้ชายที่หน้าดีอยู่แล้ว เขาจึงเป็นที่ชื่นชอบอย่างรวดเร็ว ของบรรดาแฟนบอลปีศาจแดง และยิ่ง เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ เทพบุตรทีมชาติอิตาลี ไม่ได้ติดทีมมาด้วย สายตาอาจไปจับจ้องที่เขาแทนก็เป็นได้



Mario Gotze


หนุ่มน้อยหน้ามน "มาริโอ เกิทเซ่" 
ผู้ยิงประตูให้เยอรมันคว้าแชมป์โลก 2014 มาครอง และหลังจบเกม ก็เขาไปสวมกอด แอน แคทลิน บรอมเมล ทำให้กลายเป็นคู่รักที่ถูกจับจ้องจากทั่วโลกตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา แม้ปีนี้จะทำผลงานไม่ค่อยดีกับ บาเยิร์น มิวนิค หลุดเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีข่าวจะย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ซึ่งถ้าเป็นจริง เราน่าจะได้เห็นเขาในพื้นที่ข่าวมากขึ้น



Iker Casillas


กัปตันทีมชาติสเปน ฟอร์มตกลงไปเยอะด้วยอายุอานามที่มากขึ้น ศึกยูโรครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว และเรายังไม่รู้ว่า เขาจะได้เป็นมือ1ในศึกครั้งนี้หรือไม่ "อีเคร์ กาซิยาส" ถูกจัดเป็นนักฟุตบอลที่หน้าตาดีมาหลายปี ด้วยบุคลิก Suave Style หรือ ผู้ชายอ่อนโยน อย่างที่เขาแสดงออกในวันที่ประกาศอำลา รีด มาดริด สาวๆหลายคนต้องหลั่งน้ำตาตามเลยทีเดียว



Olivier Giroud


ผลงานในสนาม ของ "โอลิวิเยร์ ชิรูด์" อาจจะไม่ค่อยเปรี้ยงปรางมากนัก แต่เขาก็เป็นขวัญใจของแฟนๆปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ทรงผมประจำตัวอย่าง Undercut และหนวดเคราพอยาวกำลังสวย ของเขา เป็นที่ถูกอกถูกใจสาวๆ และในยูโร 2016 นี้ เขาเป็นความหวังในตำแหน่งกองหน้าของ ทีมชาติฝรั่งเศส



Gerard Pique


กองหลังนัตย์ตาสีฟ้า ทีมชาติสเปน "เคราร์ด ปิเก้" เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันของบาร์เซโลน่า ในการออกมาตอบโต้ หรือ เปิดศึก กับนักเตะคู่แข่งในทวิตเตอร์ อยู่เป็นประจำ ด้วยนัตย์ตาชวนฝัน ทำให้เขามักเป็นที่พูดถึงในหมู่สาวๆอยู่เสมอ ชีวิตส่วนตัวของเขา แต่งงานมีลูก 2 คน กับ ชากีร่า นักร้องชื่อดังไปแล้ว



Adam Lallana


นับตั้งแต่หมดยุค เดวิด เบ็คแฮม ไป ทีมชาติอังกฤษก็ขาดนักฟุตบอลหน้าตาดีไปเลย จนกระทั่งมีเขาคนนี้ "อดัม ลัลลาน่า" ปีกของลิเวอร์พูล ทรงผม อันเดอร์คัต เนี้ยบทุกครั้งที่ลงสนาม ไว้หนวดไว้เครา เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลลิเวอร์พูล



Thibaut Courtois


ผู้รักษาประตูทีมชาติเบลเยี่ยม ตกเป็นข่าวว่าจะลาเชลซีหลังจบฤดูกาลนี้ เพราะต้องการเล่นยูฟ่าแมป์เปี้ยนลีก "ธิโบต์ กูร์ตัวส์" รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา ของเขา ทำให้เขากลายเป็นผู้รักษาประตูเบอร์ต้นๆที่พร้อมทั้งฝีมือและหน้าตา เขาจะนำพา เบลเยี่ยม ไปได้ไกลแค่ไหนต้องติดตาม



Aaron Ramsey


"Mr. Handsome" อีก 1 บอยแบรนด์จาก อาร์เซน่อล เป็นครั้งแรกของ Rambo และ ทีมชาติเวลส์ ที่จะได้เล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง ยูโร หลังรอคอยมานาน เขาถูกยกให้เป็นนักบอลที่หล่อที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยซีซั่นนี้ "อารอน แรมซีย์" พา อาร์เซน่อล ครองลอนดอน คว้ารองแชมป์พรีเมียร์ลีก เหนือคู่แข่งอย่าง สเปอร์ ในนัดสุดท้ายแบบปาดหน้าเค้ก