วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เชลซี ไม่ได้เล่นไล่โค้ช แต่ บริหารไล่โค้ช!!

ถือว่าปริศนาดำมืดอีกอีก 1 สิ่งในโลกฟุตบอล เมื่อ เชลซี ตัดสินใจปล่อยตัว เนมานย่า มาติช เสาเอกในแผงกลาง ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก มาให้ แมนฯยูไน... thumbnail 1 summary
ถือว่าปริศนาดำมืดอีกอีก 1 สิ่งในโลกฟุตบอล เมื่อ เชลซี ตัดสินใจปล่อยตัว เนมานย่า มาติช เสาเอกในแผงกลาง ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก มาให้ แมนฯยูไนเต็ด ในราคา 40 ล้านปอนด์


การปล่อย มิดฟิลด์ คนสำคัญออกจากทีม เป็นเรื่องที่ช็อคแฟนบอลอยู่แล้ว แต่นี่กล้าขายให้กับทีมคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง แมนฯยูไนเต็ด คำถามคือ บอร์ดบริหารคิดอะไรกันอยู่

ตายไลน์แผงอำนาจของทีม ผู้กุมอำนาจตัวจริง อย่างที่เรารู้กัน คือ "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช 

ตำแหน่งของเสี่ย ตามเว็บไซต์ของสโมสร คือ เจ้าของ บริษัท ฟอร์ดสแตม จำกัด ที่เป็นบริษัทแม่ของ บริษัท เชลซี เอฟซี จำกัด ที่เป็นเจ้าสโมสรเชลซีอีกที่

บริษัท เชลซี เอฟซี จำกัด หรือก็คือ สโมสรเชลซี นั่นแหละ มี บรูซ บัค เป็นประธานบริหาร และมีกรรมการบริหารอีก 2 คน ยูจีน เทนเนนบาม มาริน่า กรานอฟสไกอา และเลขาสโมสร เดวิด เบนนาร์ด

ตามรายชื่อที่มี ผู้กุมอำนาจกำหนดทิศทางเชลซี มีอยู่ 5 คน ที่มีสิทธิ์มีเสียงในการโหวตต่างๆ

ใต้แผงอำนาจ 5 เสือสิงห์บลู ผู้เป็นคนคอยประสานระหว่าง ระดับสั่งการ กับ ระดับปฎิบัติการ คือ ไมเคิล เอมเมนาโล ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ที่เป็นคนคอยป้อนข้อมูลต่างๆให้เบื้องบนตัดสินใจ

คราวๆ สำหรับโครงสร้างอำนาจของเชลซี ที่นี้เรากลับเข้าเรื่อง ทำไมเชลซี กล้าขาย มาติช ?

การตัดสินใจ ซื้อ-ขายนักเตะ เห็นชัดแจ่มแจ้งว่า "ผู้จัดการทีมไม่ได้มีอำนาจเต็ม" เพราะว่าเราพึ่งได้เห็น อันโตนิโอ คอนเต้ ออกมาบอกกลายๆว่า "ผมไม่ได้เป็นคนขาย บอร์ดเป็นคนขาย"




การตัดสินใจซื้อ-ขาย อยู่ในมือของ ผู้อำนายการฝ่ายเทคนิค ไมเคิล เอมเมนาโล หลังจากที่เขาวิเคราะห์ ข้อดี-เสียของนักเตะได้แล้ว ก็จะรายงานให้เบื้องบน โรมัน อบราโมวิช ตัดสินใจขั้นสุดท้ายอีกที ก่อนที่ส่งให้ มาริน่า กรานอฟสไกอา ที่เป็นคนดีลเรื่องราคานักเตะ

สำหรับ เนมานย่า มาติช เป็นข่าวกับ แมนฯยูไนเต็ด มาตั้งแต่ เปิดซีซั่น ตามพล็อตเรื่องที่ว่า เชลซี สนใจ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้  กองกลางโมนาโก ถ้าเชลซีได้ตัวมา ก็จะปล่อย มาติช ให้แมนฯยูไนเต็ด

และเรื่องราวก็ดำเนินตามพล็อตมาแป๊ะ ๆ เชลซีได้ บากาโยโก้ และปล่อย มาติช มา แมนฯยูไนเต็ด

แชมป์ลีก 2 ครั้งหลังสุดของ เชลซี นั้นเป็นผลมาจากการมี เนมานย่า มาติช บัญชาการแผงกองกลาง เขาคือคีย์แมนคนสำคัญของทีม 

ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ทีมต้องขายเขาทิ้ง ได้ราคา 40 ล้านปอนด์ก็จริง แต่ เชลซี ก็ไม่ได้ร้อนเงินถึงขนาดนั้น อายุก็ 29 ปียังช่วยทีมได้อีกหลายอยู่

มีเงื่อนงำซับซ้อนสำหรับ ดีลนี้ ถ้าจะเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆเข้าด้วยกัน จากที่ เนมานย่า มาติช ต้องไปใส่เสื้อสีแดง อาจจะเป็นเพราะ การขัดแย้งกันของผู้มีอำนาจอย่าง ไมเคิล เอมเมนาโล กับ อันโตนิโอ คอนเต้

"ที่เริ่มมาจาก ดีเอโก้ คอสต้า...

เดอะ บีสต์" ดีเอโก้ คอสต้า ได้รับข้อความบอกเลิก ผ่าน SMS จาก อันโตนิโอ คอนเต้ ทำให้ ดีเอโก้ คอสต้า ดาวยิงสุดห้าว กลายเป็นส่วนเกินของทีม

แต่ทว่า ไมเคิล เอมเมนาโล ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคจอมล้วงลูก อาจไม่ด้วย เขาอาจจะคิดว่า เดอะ บีสต์ ยังมีประโยชน์กับเชลซี ไม่สมควรที่จะถูกขายทิ้ง เพราะฤดูกาลล่าสุดที่ได้แชมป์ ตามสถิติ คอสต้า ยิงประชัยให้ทีมถึง 10 นัด ถ้าไม่มีเขา แต้มเชลซีจะหายไปถึง 30 แต้ม

ว่าแล้ว ไมเคิล เอมเมนาโล  ก็เลยดึงเช็ง ไม่แทงเรื่อง โรเมลู่ ลูกากู ตามคำขอของกุนซือชาวอิตาลี เพื่อให้เปลี่ยนใจในภายหลัง 

แต่ คอนเต้ เองที่ยืนยันหยักแน่นว่า คอสต้า ไม่อยู่ในแผนการอีกต่อไป เบื้องบนจึงทำอะไรไม่ได้ เลยต้องเดินเครื่องไปคว้า อัลบาโร่ โมราต้า มาแทน 

ไมเคิล เอมเมนาโล เองก็ไม่ยอม เมื่อเซ็น ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ มาได้แล้ว ก็สบช่องดีล วิน-วิน 40 ล้านปอนด์ แลก เนมานย่า มาติช เป็นการดัดหลัง อันโตนิโอ คอนเต้ 

ทีมได้เงิน 40 ล้านกับนักเตะอายุ 29 ปี แฟนบอลก็ต่อว่าได้ไม่เต็มปากล่ะ แท็กติก ให้ คอนเต้ ไปหาทางจัดการเอาเอง

และเมื่อดูจากขนาดทีมในเวลานี้ ต้องบอกว่า เชลซี นั้นเล็กที่สุดในบรรดาทีมลุ้นแชมป์ด้วยกัน ยิ่งซีซั่นนี้มี 4 ถ้วยให้เล่นด้วยแล้ว ปัญหาต้องมีตามาแน่

อันโตนิโอ คอนเต้ คงได้แต่อธิฐานภาวนาให้ บอร์ดบริหารเห็นถึงปัญหาในจุดนี้ ซึ่งจากนี้น่าจะมีการขยับเขยื้อน บ้างล่ะ เพราะ เชลซีพึ่งแพ้คาบ้านต่อ เบิร์นลีย์ 2-3 ......

วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

3 ข้อเน้นๆ โรเมลู ลูกากู ดีลที่ดีที่สุดของแมนฯยูไนเต็ด

ปิดฉากไตรภาค กองหน้าแมนฯยูไนเต็ดคนใหม่ ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอสายเปย์ จัดการปิดดีล โรมาลู่ ลูกากู ว่าที่กองหน้าที่แพงที... thumbnail 1 summary
ปิดฉากไตรภาค กองหน้าแมนฯยูไนเต็ดคนใหม่ ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอสายเปย์ จัดการปิดดีล โรมาลู่ ลูกากู ว่าที่กองหน้าที่แพงที่สุดของเกาะอังกฤษจาก เอฟเวอตัน เรียบร้อยแล้ว




ต้องบอกว่าเป็นหนังไตรภาค ตลอด เกือบ 2 เดือนกว่าๆ แมนฯยูไนเต็ดตามหา กองหน้าตัวใหม่ จะมาแทนที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ตอนนี้ต้องกิน เฮโมวิต (ฮา) บำรุงร่างกายจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า 

อันที่จริงเรื่องนี้ต้องมีภาคเดียวจบ แต่ต้องกลายเป็นเป็นหนัง ไตรภาคแบบเดอะลอร์ด เพราะ อองตวน กรีซมานน์ เป้าหมายเบอร์ 1 นั้นมิอาจทอดทิ้ง แอตฯ มาดริด ที่ตกทุกข์ได้ยาก จากโทษแบบห้ามซื้อ-ขายนักเตะ เขาจึงจำใจอยู่กินอีกกับตราหมีไปก่อน อีก 1 ปี เป็นอย่างน้อย

เมื่อจบในภาคเดียวไม่ได้ เลยต้องมีภาค 2 ภาคนี้ยาวนั่งลุ้นกันก้นเมื่อยเลยทีเดียว อัลวาโร่ โมราต้า กองหน้าสายซับ ของ รีล มาดริด ใกล้เคียงสุดๆกับ เบอร์ 9 แมนฯยูไนเต็ด คนใหม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ เพราะท่านประธานเปเรซ หน้าเลือดเกินขนาด ที่ เอ็ด จะทานรับได้ เลยต้องมีภาคสาม

ภาคนี้จบเร็วไม่ต้องลุ้น แปปเดียวเพียงเธอหลับตา เมื่อลืมตา โรเมลู่ ลูกากู ก็ปรากฎกายเป็น นักเตะแมนฯยูไนเต็ด คนใหม่ไปเสียแล้ว

ดีลนี้ต้องบอกว่าเป็น ซูเปอร์ดีล เป็น สุดยอดดีล ของแมนฯยูไนเต็ด .....

ข้อแรก ได้ของดีของแท้ 100%

เปรียบเทียบ โมราต้า กับ ลูกากู ในราคาที่ใกล้เคียงกัน ราวๆ 70-80 ล้านปอนด์ ความคุ้มค่าต้องอยู่ที่ จอมถึก ลูกี้ อยู่แล้วแน่นอน เพราะตลอด 5 ซีซั่นหลังในพรีเมียร์ลีก ลูกี้ ยิงขึ้นเลข 2 หลักตลอด ทั้งๆที่อยู่กับทีมที่ไม่ใหญ่มาก และซีซั่นล่าสุด ยิงไปถึง 25 ประตู 

เทียบกับ น้องโม ที่ถึงแม้จะอยู่กับทีมใหญ่มาโดยตลอด รีล มาดริด ยูเวนตุส แต่ก็เป็นเพียงกองหน้าสายซับ ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเอง

อยู่กับ ม้าลาย ยูเวนตุส ก็ไม่สามารถโชว์พลังได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะมีทั้ง คาร์ลอส เตเบซ เปาโล ดิบาล่า ขวางคลองอยู่ กลับ รีล มาริด ยิ่งแล้ว เจอเจ้าที่แรงทั้ง โรนัลโด้ เบนเซม่า เบล ยากที่เขาผุดขึ้นเหนือผิวน้ำ

ยิ่งสถิติ กองหน้าสัญชาติสเปน ที่มักย้ายมาล้มคว่ำในพรีเมียร์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องขบคิดให้หนัก เฟอร์นานโด มอริเอนเตส อัลเบิร์ต ลูเก้ ลูคัส เปเรซ คือตัวอย่าง

ดังนั้น เงิน 75 ล้านปอนด์ ควรจะทุ่มไปที่ ลูกากู นั้นเหมาะที่สุด

ข้อสอง ตัดกำลังคู่แข่ง (เชลซี) ทางอ้อม

ตามหน้าสื่อหนังสือพิมพ์ จับคู่ โมราต้า-แมนฯยู ลูกากู-เชลซี จาการที่ สิงโตหมื่นล้าน ต้องหากองหน้าคนใหม่ มาแทน ดีเอโก้ คอสต้า เชกเช่นเดียวกัน 

การที่แมนฯยูไนเต็ด ชิงตัดหน้าคว้า โรเมลู่ ลูกากู มาก่อน เท่ากับบีบให้ เชลซี ต้องรับความเสี่ยงแทน หันไปหา อัลวาโร่ โมราต้า ซึ่งเป็นตัวเลือกที่แพงและมีเสี่ยงมากกว่า 

หรือทำไปทำมา รีล มาดริด อาจจะขาย น้องโม ในราคามิตรภาพ เพื่อปลูกต้นรักสานความสัมพันธ์ เพื่อมหาดีลสะท้านโลกในอนาคตกับ เอเดน อาซาร์ ที่น่าจะเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึงมีโอกาสสูงทีเดียว และถ้าเป็นจริง เชลซี ก็จะอ่อนกำลังลงไปอย่างมาก

ข้อสาม ปลดแอก เมืองขึ้น รีล มาดริด

แฟนผีทุกหมู่เหล่า ต่างรู้ดีว่า ครั้งใดที่ แมนฯยูไนเต็ด ต้องการนักเตะจาก รีล มาดริด มักถูกดึงเช็ง โก่งราคาหน้าเลือด ทั้ง แกเร็ธ เบล อังเคิล ดิ มาเรีย เซอร์คิโอ รามอส มาจนถึง อัลวาโร่ โมราต้า 

แต่เมื่อคราว ราชันชุดขาว อยากได้นักเตะแมนฯยู ท่านประธานเปเรซ กับอยากซื้อในราคาถูกๆ ตัวอย่าง ดาบิด เด เคอา ที่ยื่นข้อเสนอมาเพียงแค่ 35 ล้านปอนด์ แลกกับประตูมือ1ของโลก ที่แสดงถึงความเขี้ยวของท่านประธานเปเรซ

มาครานี้ เอ็ด วู้ดเวิร์ด มาเหนือเมฆ เดินเกมเหนือชั้น ไม่เล่นตามเกมของ รีล มาดริด ปิดเกมจบดีลอย่างสวยงาม และตัดความสัมพันธ์ทางการค้ากับ มาดริด ไปในตัว 

เท่ากับว่าสบายใจได้ แมนฯยูไนเต็ด ไม่น่าจะเสีย ดาบิด เด เคอา ไปแบบง่ายๆแน่นอนหลังจากนี้







วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560

โรนัลโด้กลับแมนฯยู คุ้มยังไง? คุ้มจริงไหม? คุ้มตรงไหน?

คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ตกเป็นข่าวจะกลับมาสวมเสื้อปีศาจแดงอีกครา หลังจากถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษี 13 ล้านปอนด์ และไม่ได้เป็นที่รักของแฟนบอลมาดร... thumbnail 1 summary
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ตกเป็นข่าวจะกลับมาสวมเสื้อปีศาจแดงอีกครา หลังจากถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษี 13 ล้านปอนด์ และไม่ได้เป็นที่รักของแฟนบอลมาดริดเช่นดังเดิม

ความจริงเงิน 13 ล้านปอนด์ เดือนสองเดือน โรนัลโด้ ก็หามาจ่ายได้แบบสบายๆแบบเบิร์ดๆ แต่เหตุผลจริงๆที่เขาจะย้ายหนี รีล มาดริด น่าจะเป็นเหตุผลที่ว่า "ไม่มีความสุข" ในถิ่นเบอร์นาบิวแล้วมากกว่า



ณ ปัจจุบัน ทีมที่มีพลังเงินมากพอจะดีลๆนี้ได้ มีอยู่ไม่เกิน 3 เต็มที่ 2 แมนฯยูไนเต็ด กับ ปารีส 

แต่ถ้าจะให้ทีมไหนมีโอกาสมากที่สุด ทีมนั้นต้องเป็น ผีแดง แน่นอนอยู่แล้ว ด้วยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำเก่า ความสัมพันธ์ระหว่าง โรนัลโด้กับแฟนบอล หรือ โรนัลโด้กับผู้นริหาร ล้วนยังแน่นแฟ้นอยู่

และข่าวล่าสุด แมนฯยูไนเต็ด จะเปิดดีลที่มีมูลค่ามากที่สุด 183 ล้านปอนด์ + ดาบิด เด เคอา เพื่อดึงตัว โรนัลโด้ กลับบ้าน พ่วงด้วย อัลบาโร่ โมราต้า อีกคน 

ตีราคา ดาบิด เด เคอา อยู่ที่ 60 ล้านปอนด์ + 183 = 243 ล้านปอนด์ เฉลี่ยค่าตัว โรนัลโด้ 180 กับ โมราต้า 70 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติค่าตัว พอล ป็อกบา กระจุย

หลายคนอาจจะมองว่าเวอร์.. ไม่มีทางเป็นจริง ขอบอกเลยว่า "ท่านประเมินพลังเอ็ดต่ำไป" ระดับ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอมือทองเขามีแผนหาเงินขนาดนี้ได้อยู่แล้ว

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า ซื้อได้ ไม่ได้ แต่อยู่ที่ว่า คุ้มไม่ ไม่คุ้ม? ตะหาก

โรนัลโด้ อายุ 32 ปี ร่างกายยังดูดีมีพลังก็จริง แต่การกลับมาเล่นพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง จะสร้างภาระทางร่างกายอย่างใหญ่หลวงแน่นอน อย่าลืมว่า โรนัลโด้ ไม่ได้มีสไตล์การเล่นแบบ ซลาตัน เล่นคนละตำแหน่ง

มหาเทพผู้นี้ ต้องกระชากลากเรื้อย ใช้พละกำลังค่อนข้างมาก พรีเมียร์ลีก ไม่ใช่ ลาลีกา ลีกอังกฤษขึ้นชื่อว่าเกมเร็วมีปะทะหนักน่วง

ตัวอย่าง ซลาตัน เป็นหนึ่งคนที่ได้รับการยอมรับว่าดูแลร่างกายดี ไม่ค่อยบาดเจ็บหนักๆ และ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ประคบประหงมอย่างดี ท้ายซีซั่นยังเข่าพังได้

ฉะนั้นการกลับมาของ โรนัลโด้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ อายุ 32 ปี เล่นแบบเต็มสตรีมได้เต็มที่อย่างมาก 1-2 ปี กับค่าตัวที่ทะลุเพดานไปถึง 180 ล้านปอนด์ นี่ยังไม่รวมค่าเหนื่อยที่คิดแบบแพ็คเกจเหมารวม ที่น่าจะเซ็นกันอย่างน้อย 3 ปี ปีละ 45 ล้านปอนด์ รวม 135 ล้านปอนด์

รวมๆแล้ว โรนัลโด้ คนเดียว แมนฯยูไนเต็ดต้องเสียถึง 315 ล้านปอนด์!!

ในแง่ของฟุตบอลแล้ว ด้วยวัยขนาดนี้ ด้วยค่าตัวขนาดนี้ ต้องบอกว่า ไม่มีทางคุ้มเลย แต่ทว่าในแง่ของธุรกิจแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหว

น่าจะจำกันได้ ตอน ซลาตัน ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมเมื่อซีซั่นที่แล้ว เพียงแค่สัปดาห์เดียว ยอดการขายเสื้อเบอร์ 9 ของ ซลาตัน พุ่งถึง 76 ล้านปอนด์ ย้ำว่าแค่สัปดาห์เดียว!!

จน ซลาตัน โพสอินสตราแกรมแซว ป็อกบา ว่า แมนฯยูไนเต็ด เอาเงินที่ขายเสื้อของเขา มาซื้อ ป็อกบา

การกลับมาของ โรนัลโด้ แน่นอนว่าจะต้องใส่ เบอร์ 7 เท่านั้น 

ด้วยตัวนักเตะที่เป็นซุปเปอร์สตาร์อยู่แล้ว และ เบอร์ 7 เป็นเก่าของเขา เป็นเบอร์ประวัติศาสตร์ของทีม ดังนั้น ยอดขายเสื้อโรนัลโด้ คิดๆแล้วสัปดาห์แรกน่าจะไม่ต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์ เผลอๆอาจจะไปแตะ 200 ล้านปอนด์ ได้ก็ได้

ยังไม่รวมของที่ระลึกจิบปะถะอีกยิบย่อย ผ้าพันคอ โมเดล ที่ยังขายได้อีก อีก โรนัลโด้ มีภาพลักษณ์สูงส่ง แมนฯยูไนเต็ด สามารถนำจุดนี้ไปต่อยอดอะไรได้อีกมากมาย

ลึกลงไปการมาของ โรนัลโด้ จะดีดหุ้นของแมนฯยูไนเต็ดให้สูงขึ้นไปอีก ด้วยสถานการณ์ของทีมตอนนี้ที่กำลังไปได้สวย 

ได้แชมป์ 3 ถ้วย และได้กลับไปเล่น ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก การได้ โรนัลโด้ กลับมา จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ทำให้ทีมมีมูลค่าในตลาดเพิ่มขึ้น

อย่างที่บอกไปในแง่ของธุรกิจ แมนฯยูไนเต็ด มีแต่คุ้มกับคุ้ม !!

สุดท้ายแล้ว เราๆท่านทั้งหลายต้องพึงระลึกไว้เสมอว่านั่น ไม่ใช่เงินเรา อิอิ ไม่ต้องกลัวสโมสรขาดทุน ได้ที่ 7 ไม่ได้เล่น ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก เสียหายย่อยยับก็เคยมาแล้ว 

สิ่งที่แฟนผีแดงควรกลัว คือ กลัว ลิเวอร์พูล จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ดีกว่า 

นี่แหละสิ่งเดียวที่ แฟนผีแดง ควรกลัวมากที่สุด!!!!!!!!









วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

5 ผู้บริหารฟุตบอลมือทองแห่งยุค

Giuseppe Marotta นี่คือชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ยูเวนตุส ในทศวรรษนี้ ในปี 2010 เขารับงานเป็น CEO ควบตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป ของย... thumbnail 1 summary
Giuseppe Marotta

นี่คือชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ยูเวนตุส ในทศวรรษนี้ ในปี 2010 เขารับงานเป็น CEO ควบตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป ของยูเวนตุส 


เป็นผู้ให้โอกาส อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาคุม ยูเวนตุส ในปี 2011 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของสโมสร ด้วยการบริหารงานที่เข้าใจเรื่องของฟุตบอลเป็นอย่างดี ดูได้จากการเปลี่ยนผ่านจาก อันโตนิโอ คอนเต้ มาสู่ มัสสิมิเลียโน่ อัลเลกรี เป็นไปอย่างราบรื่น


การซื้อขายนักเตะ ต้องบอกว่าเขาก้าวขึ้นมาเทียบชั้น ลูเซียโน่ มอจจี้ อดีตผู้บริหารมือทองในตำนานของทีมเรียบร้อยแล้ว ดีล พอล ป็อกบา ได้มาฟรีๆ แต่ขายได้ถึง 89 ล้านปอนด์ บอกอะไรได้เป็นอย่างดี



Ed Woodward


CEO สายเปย์ มือ 1 ในยุคปัจจุบัน ผู้จัดการทีมแมนฯยูไนเต็ด 3 คน ภายใต้การบริหารงานของเขา ล้วนได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ 


เดวิด มอยส์ อยากได้ ฮวน มาต้า เอ็ดก็จัดให้สถิติสโมสร 38.7 ล้านปอนด์ หลุยส์ ฟาน กัล อยากได้ อังเคิล ดิ มาเรีย เอ็ดก็จัดไปสถิติสโมสร 59.7 ล้านปอนด์ โชเซ่ มูรินโญ่ อยากได้ พอล ป็อกบา เอ็ดก็จัดอีกสถิติสโมสร 89 ล้านปอนด์


นอกจากเปย์เก่งแล้ว การหาเงินก็เก่งเช่นกัน เซ็นสัญญากับอดิดาสด้วยสถิติโลก ทำให้แมนฯยูไนเต็ดที่ไม่ได้เล่นยูซีแอล มีกำไรมากที่สุดแบบที่ไม่มีใครทำได้มาก่อน ต้องบอกว่าเวลานี้ แมนฯยู ขาดใครก็ได้ แต่ขาด เอ็ด วู้ดเวิร์ด ไม่ได้เลยทีเดียว



Florentino Perez


เจ้าของความคิดที่บรรเจิดที่สุดในโลกฟุตบอล กาลาติกอส ที่รวบรวมเอาบรรดา ซุปเปอร์สตาร์ เข้ามาไว้ในทีมเดียวกัน สร้างแบรนด์ สร้างมูลค่าของทีม


แม้ว่า 2-3 ปีหลังมานี้ เขาจะเพลาๆแนวคิดนี้ลงไปบ้าง เสียสถิติสโมสรที่ซื้อผู้เล่นแพงที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 2000 ไปให้แก่ แมนฯยูไนเต็ด ไป แต่อีกไม่ช้าไม่นาน ปฎิบัติการหาตัวตายตัวแทน โรนัลโด้ จะทำให้ ฟลอเลนติโน่ เปเรซ เอาสถิตินี้กลับมาครองอีกครั้ง


ถึงด้วยขึ้นชื่อว่าประธานเจ้าทุ่ม แต่เรื่องการบริหารเขาก็ไม่เป็นที่สองรองใคร ชุดขาวก่อนหน้าเขาจะเข้ามา มีหนี้บานเบอะ แต่เขาก็ล้างให้หมด และ การให้โอกาส ซีเนอดีน ซีดาน ที่ไม่มีอะไรเลย ขึ้นมาคุมทีมเต็มตัว ก็ต้องให้เครดิตเขาไปเต็มๆ



Ferran Soriano


การบริหารงานของ แมนฯซิตี้ เริ่มเป็นรูปเป็นทรงชัดเจนขึ้น เมื่อได้ 2 คู่หู เฟอร์ราน โซเรียโน่ และ ซิกิ เบอร์ริกิสไตน์ ที่เบื้องหลังความสำเร็จของ บาร์เซโลน่า มาบริหารงาน


หากยังจำกันได้เมื่อ ท่านชีค เข้ามาใหม่ๆ ซื้อนักเตะมั่วซั่ว ซื้อดะ ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน แต่นับตั้งแต่ได้สองคู่หูนักบริหารมาทำทีม เรือใบสีฟ้า เริ่มมีทรงมีแนวทาง การซื้อขายนักเตะที่ดูเฉียบขาดมากขึ้น เริ่มรู้จักลงทุนกับอนาคต ไม่สนใจความสำเร็จแบบฉาบฉวย


โดยนับตั้งแต่ ผู้บริหารมือทองรายนี้เข้ามา แมนฯซิตี้ ได้แชมป์ไปถึง 4 ถ้วย และฤดูกาลล่าสุดก็ได้ เป๊ป กวาร์ดิโอลาร์ เข้ามาคุมทีมแม้จะล้มเหลว แต่เชื่อได้ว่า 3 คนที่เคยทำ บาร์ซ่า ครองจักรวาลมาแล้ว ก็จะทำให้ แมนฯซิตี้ ได้ด้วยเช่นกัน



Antero Henrique


อันเตโร่ เฮนริเก้
ภาพ twitter/PSG_English

ผู้อำนวยการสโมสร ป้ายแดงของ ปารีส แซร์ก แชงแมง อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่เขาคือ 1 ในผู้บริหารด้านฟุตบอลที่เก่งที่สุด ชื่อเสียงของเขาเรื่องลือจากการเป็น ผู้อำนวยการให้ เอฟซี ปอร์โต้

ตลอดกว่า 10 ปีที่ เอฟซี ปอร์โต้ 2005-2006 ถึง 2016-17 เขาขายนักเตะได้เงินเกือบ 1000 ล้านยูโร ยกตัวอย่าง เปเป้ แอนเดอร์สัน โฆเซ่ โบซิงว่า ราดาเมล ฟัลเกา ฮัลค์ ฮาเมส โรดริเกวซ เอเลียคิม มองกาล่า นักเตะค่าตัวแพง ล้วนเติบโตมาจาก เอฟซี ปอร์โต้


จัดได้ว่าเขาเป็นผู้บริหารที่มองนักเตะได้เฉียบขาด เรื่องความสำเร็จ นอกจากการซื้อขายนักเตะแล้ว ในยุคที่เขาบริหาร ปอร์โต้ ยังได้แชมป์อีกเป็นกอบเป็นกำ



คลิก >> โรนัลโด้กลับแมนฯยู คุ้มยังไง? คุ้มจริงไหม? คุ้มตรงไหน?

วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560

5 สิ่งที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องทำ!!

อาร์แซน เวนเกอร์ ตัดสินใจต่อสัญญากับ อาร์เซน่อล ออกไปอีก 2 ปี แม้ว่าจะพาทีมหลุด ท็อปโฟร์ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 1996-97 และนี่อาจเป็... thumbnail 1 summary
อาร์แซน เวนเกอร์ ตัดสินใจต่อสัญญากับ อาร์เซน่อล ออกไปอีก 2 ปี แม้ว่าจะพาทีมหลุด ท็อปโฟร์ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 1996-97 และนี่อาจเป็นสัญญาฉบับสุดท้ายของเขา เพื่อพา อาร์เซน่อล กลับไปชูถ้วยพรีเมียร์ลีกอกครั้ง นี่คือ 5 ข้อที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องทำ!!



ภาพ twitter/arsenal


1. วางแผนการเสริมทัพล่วงหน้า 

มีหลายต่อหลายครั้งที่ กุนซือเลือดน้ำหอมผู้นี้มัก "เหวี่ยงแห่" กว้านซื้อนักเตะในวันท้ายๆของตลาด ประมาณ "กำขี้ดีกว่าตด" อะไรทำนองนั้น ยกตัวอย่างใหม่ๆสดๆ เมื่อซีซั่นที่แล้ว เมื่อพลาดตัว อเล็กซอง ลากาแซ็ตต์ ก็หันไปคว้าเอา ลูคัส เปเรซ มาในวันเกือบสุดท้ายของตลาด ผลสุดท้ายคือ แทบจะไม่ได้ใช้งาน สูญเงิน 17 ล้านปอนด์โดยเปล่าดาย

จะได้เหตุผลว่า การซื้อตัวในตอนท้ายๆจะเป็นบีบให้ทีมที่เจรจาด้วยรีบๆขายนั้น เห็นจะใช้แก้ตัวไม่ไ่ด้แล้ว เพราะมีหลายตัวอย่างที่ซื้อมาแล้วล้มเหลว ฉะนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องตัดสินใจให้รวดเร็ว ลิสต์รายชื่อนักเตะที่เป้าหมายให้บอร์ดบริหารจัดการตั้งแต่เริ่มตลาด หากรอสถานการณ์ไปท้าย มีหวังได้ทอดแห่กันอีกแน่นอน

2. ตัดสินใจให้เด็ดขาด!

ระยะหลังมานี้ เรามักจะเห็น อาร์แซน เวนเกอร์ ออกมาครวญคราง บ่นเสียดายอย่างนู้นอย่างนี้ ว่าเขาเกือบจะได้ตัวนักเตะคนนั้นคนนี้อยู่เรื่อย เมสซี่ โรนัลโด้ เบล โรนัลดิญโญ่ คือหนึ่งในบรรดานักเตะที่มีโอกาสย้ายมาร่วมทีมอาร์เซน่อล แต่สุดท้ายก็ต้องพลาดไป ด้วยเหตุใดก็เหตุหนึ่ง

ลองคิดดูเอาว่า ถ้า อาร์แซน เวนเกอร์ ได้นักเตะเหล่านั้นมาร่วมทีมจะบันเทิงเริงใจขนาดไหน ดังนั้นแล้ว เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก เขาต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด ต้องไฟต์หน่อย ซื้อคือซื้อ! โดนโก่งก็ต้องสู้! โดนแย่งก็ต้องเกทับ! อยากได้ต้องได้ อาร์เซน่อล ก็ไม่ใช้ทีมจนๆอะไร รวยสุดอันดับ 5 ของโลก ฉะนั้นแล้ว ต้องแสดงศักยภาพออกมา

3. ทิ้งบอลถ้วยไปซะ!

หลายซีซั่นที่ อาร์แซน เวนเกอร์ มุ่งเป้าไปที่ บอลถ้วมากกว่าบอลลีก ไม่ยอมทุ่มสรรพกำลังลงไปที่บอลลีกเต็มตัว เป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ต้องเล่น 4 ถ้วยเต็มๆมาโดยตลอด ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกที่อย่างน้อยจะเข้ารอบ 16 ทีม ลีกคัพที่แต่ก่อนไม่เคยต่ำกว่ารอบ 8 ทีม เอฟเอคัพที่ระยะหลังก็แทบผูกตั๋วปีอยู่ทีเดียว

มาซีซั่นที่จะถึงนี้ อาร์เซน่อล บุญมีแต่กรรมบัง ไม่ได้เล่นถ้วยใหญ่ แต่ดันได้เล่นถ้วยเล็ก ก็เท่ากับว่า 4 ถ้วยเหมือนเดิม โปรแกรมแน่นเอียดดังเดิม ดังนั้นเพื่อให้นักเตะอาร์เซน่อลได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกกันอีกครั้ง กลั้นใจ ทิ้งบอลถ้วยไปให้หมด ทิ้งไปเลย

เอาเชลซีเป็นตัวอย่าง อย่างเอาแมนฯยูเป็นอย่าง อิอิ

4. เพิ่มความเหี้ยมในทีม!!

แฟนบอลปืนใหญ่ ยังคงจำภาพ มาร์ติน คีโอว์น เรย์ พาร์เลอร์ โลรอง เอตาเม่ เข้ามาแหกปาก เยาะเย้ย รุด ฟาน นิสเตอรอย หลังจบเกมที่ อาร์เซน่อล เสมอ แมนฯยู 0-0 โดย รุด ยิงจุดโทษพลาดนาทีที่ 90 เหล่านักเตะปืนใหญ่ต่างกรูเข้ามา โชว์ความห้าว แสดงควาสะใจ

แต่นั่นคืออดีต ปัจจุบันต้องบอกว่านักเตะอาร์เซน่อล "อ่อนปวกเปียก" จะหานักเตะที่มีคาเรคเตอร์ นักสู้ เหมือน โทนี่ อดัมส์ มาร์ติน คีโอว์น ปาทริค วิเอร่า ไม่มีเลย 

อาร์แซน เวนเกอร์ ซื้อ กรานิต ซาก้า เข้ามาเติมเต็มความเหี้ยม แต่คนเดียมันไม่มากพอ ต้องหานักเตะแบบนี้เข้ามาเพิ่ม มิเช่นนั้นแล้ว ก็จะเข้าอีหรอบเดิม เมื่อโดนกดท้ายซีซั่น นักเตะอาร์เซน่อล ก็จะแหย่ง ฟอร์มหลุดไปดื้อๆ 

5. สร้างทีมจากนักเตะอังกฤษ

ด้วยความที่ อาร์แซน เวนเกอร์ เป็นชาวฝรั่งเศส จึงไม่นิยมนักเตะท้องถิ่นที่เป็นสัญชาติอังกฤษมากเท่าไหร่ ทีมชุดปัจจุบัน ไม่มีนักเตะอังกฤษเป็นตัวจริงเลย!! คีแรน กิ๊บบ์ ธีโอ วัลคอตต์ อเล็กซ์ แชมเบอเลน แดนนี่ เวลเบค ล้วนพลุบๆโผล่ๆ ใน 11 ตัวจริง

และ อาร์เซน่อล ในเวลานี้มีนักเตะจากหลายประเทศรวมกัน ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน อังกฤษ แบ่งกันหลายกลุ่มหลายก้อน ไม่มีกลุ่มไหนแผ่บารมีมากพอจะปกครองกลุ่มอื่นๆ แต่มีนักเตะอังกฤษในทีมเยอะที่สุด

เพอร์ แมร์เตซักเกอร์ ชาวเยอรมัน เป็นกัปตันก็จริง แต่เสียสถานะตัวจริงในทีมไปแล้ว โดยมี โลร็องต์ กอสเซียนี่ รองกัปตันชาวฝรั่งเศส จอคอหอย รอวันเป็นตัวจริง

แต่นักเตะที่กับทีมมานานที่สุดในทีมอย่าง ธีโอ วัลคอตต์ กลับไม่มีตำแหน่ง ทั้งๆที่นักเตะอังกฤษมีมากที่สุด ดังนั้นหากต้องการให้ทีมมีสปิริตมากยิ่งขึ้น การตั้งกัปตันเป็นคนอังกฤษ กลับสู่รากเหง้าของทีม จะเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง





วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

5 นักเตะที่มีโอกาสทุบสถิติค่าตัวสูงสุดในซัมเมอร์นี้

Eden Hazard ภาพจาก twitter/ChelseaFC ต้องบอกว่า "เ อเดน อาซาร์"  คือ ตัวแทนที่ดีที่สุดของ คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ไม่ม... thumbnail 1 summary
Eden Hazard

ภาพจาก twitter/ChelseaFC



ต้องบอกว่า "เอเดน อาซาร์" คือ ตัวแทนที่ดีที่สุดของ คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าเขาอีกแล้ว ด้วยวัย 26 ปี และเกือบจะคว้าทุกแชมป์กับเชลซีหมดแล้ว อีกไม่ช้าไม่นาน เราน่าจะได้เห็น รีล มาดริด กลับมาทวงตำแหน่งราชันแห่งตลาดนักเตะเป็นแน่



Antoine Griezmann

ในช่วง 2 ปีหลัง "อ็องตวน กรีซมานน์" ตกเป็นข่าวกับ แมนฯยูไนเต็ด เพรียวๆ ทีมเดียวที่มองเขาเป็นเป้าหมายเบอร์ 1 มาโดยตลอด ถ้าแมนฯยูได้แชมป์ ยูโรป้าลีก เราคงจะได้เห็น เอ็ด วู้ดเวิร์ด บินไปมาดริด ในไม่ช้า และดีลนี้ราคาคงไม่น้อยกว่า พอล ป็อกบา แน่ๆ


Paulo Dybala

เมื่อ อาซาร์ เป็นตัวแทนของ โรนัลโด้ ที่ รีล มาดริด ตัวแทนของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่บาร์เซโลน่า ก็ต้องเป็น "เปาโล ดีบาล่า" คนนี้ ด้วยสไตล์การเล่นของ ที่น่าเข้ากับแผนการเล่นของ บาร์ซ่า และเวลาของ มหาเทพสูงสุดของเมสซี่ เริ่มเข้าใกล้มาทุกที บาร์เซโลน่า อาจจะกำลังล็อคเป้า เปาโล ดีบาล่าอยู่ในเวลานี้

Koke

มิดฟิลด์เบอร์ 1 ของทีมชาติสเปนยุคนี้ "โกเก้" ตกเป็นเป้าหมายของหลายทีมยักษ์ใหญ่ ด้วยค่าฉีกสัญญา 150 ล้านยูโร ที่น่าจะเป็นไปได้ หนีไม่พ้น แมนฯซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ฤดูกาลแรกของเขาล้มเหลว ตลาดซัมเมอร์นี้ แมนฯซิตี้ คงเต้นเป็นเจ้าเข้า ทุ่มแหลกแน่นอน


Pierre-Emerick Aubameyang

"ปิแอร์ เอมเมอริก อูบาเมยอง" กำลังอยู่ในช่วงพีคที่สุดในอีชีพการค้าแข้ง เมื่อฤดูกาลนี้กำลังยิงในลีกทะลุขึ้น 30 ประตู ด้วยสถิติของ ดอร์ทมุนด์ ที่มักรั้งสตาร์อยู่กับทีมไว้ได้ไม่นาน ข่าวกับทีมจากลีกจีน ที่พร้อมจะทุ่ม 125 ล้านปอนด์ อาจจะกำลังเป็นจริงในไม่ช้า


วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ย้อนอดีต แมนฯยูไนเต็ด กับ การหาผู้รักษาประตที่สุดแสนจะยาก

เป็นอีกครั้งที่โจทย์ใหญ่ของ แมนฯยูไนเต็ด ในตลาดซัมเมอร์นี้ คือการหาผู้รักษาประตู คนใหม่เข้ามาแทน ดาบิด เด เคอา ที่กำลังจะย้ายไปเล่นกับ รีล... thumbnail 1 summary
เป็นอีกครั้งที่โจทย์ใหญ่ของ แมนฯยูไนเต็ด ในตลาดซัมเมอร์นี้ คือการหาผู้รักษาประตู คนใหม่เข้ามาแทน ดาบิด เด เคอา ที่กำลังจะย้ายไปเล่นกับ รีล มาดริด หลังจากที่คลาดกับไปกันมา 3 ฤดูกาล และดูเหมือนว่า แมนฯยู จะไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้อีกแล้ว


การจากไปของ ผู้รักษาประตู มือ1 ของทีมชาติสเปน จะทิ้งโจทย์ข้อใหญ่ให้ แมนๆยูไนเต็ด ได้ขบคิดเป็นแน่ เพราะเป็นทุกยุคทุกสมัย ที่การหาตัวตายตัวแทนผู้รักษาประตูคนเก่าจะต้องยากทุกครั้งไป



เซอร์ "เฟอร์กี้" อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ใช้เวลา 6 ปี ในการหาตัวตายตัวแทน ปีเตอร์ ชไมเคิล ใช้ผู้รักษาประตู 5 คน ลองผิดลองถูก สุดท้ายมาเป๊ะที่คนที่ 6 คือ เอ็ดวิน ฟาน ซาร์


ย้อนอดีตตอนที่ ปีเตอร์ ชไมเคิล ลาทีมเมื่อปี 1999 "ยักษ์เดนส์" ออกมาประกาศก่อนจบฤดูกาลปีนั้นว่า จะไม่ต่อสัญญากับทีมต่อไป เพราะด้วยวัย 36 ปี ในเวลานั้น และต้องการหาความท้าทายใหม่ 


สุดท้ายต้องบอกว่าเป็นการจากลาที่เพอร์เฟคสุดๆ เมื่อเขาพาทีมเป็นทริปเปิ้ลแชมป์ได้ในปีนั้น พร้อมกับเป็นคนได้ชูถ้วยยูโรเปี้ยนคัพเสียด้วย



Massimo Taibi

ผู้สืบทอด คนแรก ของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ป๋าเฟอร์กี้ ไปคว้า มาร์ค บอสนิช อดีตเด็กเก่า ที่ตอนนั้นอยู่กับ แอสตัน วิลล่า มาเป็น มือ1 คนต่อไป พร้อมด้วยตัวละครลับอย่าง มัสซิโม่ ตาอิบี้ มาเป็นอะไหล่ มือ 3 ของทีม 



ลีลาของ มาร์ค บอสนิช
ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก aryfebriary



เมื่อจบฤดูกาลนั้น แม้ทีมจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก แต่เกมรับต้องบอกว่า วายป่วง เสียไปถึง 45 ประตูในลีก มาร์ค บอสนิช ถูกขายทิ้งไปให้ เชลซี ในตลาดช่วงซัมเมอร์ ตาม มัสซิโม่ ตาอิบี้ ที่ถูกโละไปก่อนหน้า ในตลาดเดือนมกรา ทั้งที่อยู่กับทีมได้เพียง 6 เดือน




ช็อตลอดขาในตำนานของ ตาอิบี้
ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก Patrick Bateman


หลังจากการหาทายาท ปีเตอร์ ชไมเคิล ล้มเหลว ป๋าเฟอร์กี้ ก็ไม่ลดละหาคนที่ใช่ คราวนี้เล่นของใหญ่ คว้าตัว ฟาเบียง บาร์กเตซ ผู้รักษาประตูดีกรีแชมป์ยูโรและแชมป์โลก ชาวฝรั่งเศส มาร่วมทีม

ฟาเบียง บาร์กเตซ เริ่มต้นฤดูกาลแรกกับ แมนฯยูไนเต็ด ได้ดีเลยทีเดียว บรรเทาความคิดถึง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ของแฟนบอลผีแดง ไปได้บ้าง

ฤดูกาลแรก เหนียว ฤดูกาลที่สอง ก็ยังพอเหนียวอยู่ ฤดูกาลที่สาม ก็เหนียว แต่กลายเป็น ปัสสาวะแฟนบอลผีแดงที่เหนียวแทน

ฟอร์มของ โกลล์ ทีมชาติฝรั่งเศส ผู้นี้เริ่มออกทะเลไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายหลังจากอยู่กับ แมนฯยูไนเต็ดได้ 3 ฤดูกาล ก็ถูกไปปล่อยตัวไปให้กับ โอลิมปิก มาร์กแซร์ย

ผ่านมา 4 ฤดูกาล ป๋าเฟอร์กี้ ก็ยังหาตัวแทน ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ไม่ได้ ใช้เด็กเก่าก็แล้ว ระดับแชมป์โลกก็แล้ว ก็ยังไม่ถูกอกถูกใจ คราวนี้สร้างเซอร์ไพรซ์ คว้าตัวผู้รักษาประตูโนเนม มาจาก เมเจอร์ลีก สหรัฐ ที่ชื่อว่า ทิม โฮเวิร์ด

ฤดูกาลแรก ทิม โฮเวิร์ด เล่นได้ดีมาก จนหลายๆคนคิดว่านี่แหละ คนที่จะมาสืบทอดความเหนียวจาก ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล แต่พอมาฤดูกาลที่สองเขากลายเป็นคนละคน กลายเป็นสืบทอดความเฟอะฟะ จาก ฟาเบียง บาร์กเตซ แทน เล่นผิดพลาดจนถูกดร็อป และเสียงตำแหน่งให้กับ รอย คาร์โรล ในที่สุด

2 ฤดูกาลที่ ตำแหน่งผู้รักประตูเบอร์ 1 เป็นการเข้าๆออกๆกันระหว่าง ทิม โฮเวิร์ด และ รอย คาร์โรล

ป๋าเฟอร์กี้ ก็ยังไม่ลดละความพยายาม เบนเป้าไปหา เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ อดีตเป้าหมายแรกที่จะดึงมาเป็นตัวตายตัวแทน ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ในปี 1999 แต่ตอนนั้น ฟาน เดอ ซาร์ เลือกย้ายไป ยูเวนตุส แทน

ผ่านมา 6 ปี สุดท้าย ป๋ากี้ก็ทำสำเร็จ กระชากตัว เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ วัย 35ปี มาจากฟูแล่ม ทำให้การหาตัวตายตัวแทน ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล สิ้นสุดลง

และตลอด 6 ปี ผู้รักษาประตูที่ แฟนผีแดงเรียกกันว่า "น้าซาร์" ได้กลายเป็นตำนานของทีม มีทั้งความสามารถ ความสำเร็จ ไม่ได้น้อยไปกว่า "ยักษ์เดนส์" เลย

เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ กับแผงแบ็กโฟร์ แกรี่ เนวิลล์ ริโอ เฟอร์ดินานด์ เนมานย่า วิดิช ปาทริซ เอฟร่า สร้างสถิติพรีเมียร์ลีกไม่เสียประตู 14 นัดติดต่อกัน ที่ยังไม่มีแผงเกมรับทีมไหนทำลายได้มาเกือบ 10 ปีแล้ว

ช็อตเด็ด เมมโมรี่ ของ "น้าซาร์" คงหนีไม่พ้นการเซฟจุดโทษของ นิโกลาร์ อเนลก้า ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก กับ เชลซี เมื่อปี 2008 ทำให้แมนฯยูไนเต็ด เถลิงแชมป์ บิ๊กเอียร์ เป็นสมัยที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่

ก่อนที่เขาจะส่งมอบถุงมือให้กับ ดาบิด เด เคอา ...


วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

เสือกระดาษ..โชเซ่ มูรินโญ่

เสมอ 12 นัดในลีกเข้าไปแล้ว สำหรับผีแดง แมนฯยูไนเต็ด ในจำนวน 12 นัดที่ว่านี้ ส่วนมากก็มาจากการเจาะประตูคู่แข่งไม่ได้ พอคู่แข่งลงไปแพ็คเกมหน้... thumbnail 1 summary
เสมอ 12 นัดในลีกเข้าไปแล้ว สำหรับผีแดง แมนฯยูไนเต็ด ในจำนวน 12 นัดที่ว่านี้ ส่วนมากก็มาจากการเจาะประตูคู่แข่งไม่ได้ พอคู่แข่งลงไปแพ็คเกมหน้าบ้าน โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่มีไก๊ แก้เกมไม่ได้ ทำอะไรเขาไม่ได้ 

เกมรุกเมื่อไม่มี ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ก็วายป่วง แทบจะยิงกันไม่ได้ มาร์คัส มาร์กซิยาล ก็เห็น โอลด์แทร็ฟฟอร์ด กลายเป็นสนามยิงปืน แต่ละนัดก็ยิงนกตายกันไปหลายตัว พึ่งไม่ได้ อันนี้ว่ากันตามตรง

ยังไม่พูดถึง "มหาวายร้าย" ในสายตาแฟนบอล อย่าง เวนย์ รูนีย์ ที่เหมือนหมดสิ้นซึ่งทุกอย่าง ทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ปัญหาการเสมอหลายนัด อยู่ที่เกมรุกแมนฯยู 70 % อีก 30% ให้เครดิตเกมรับทีมคู่แข่ง และซีซั่นนี้ แมนฯยู ยิงประตูได้น้อยมาก เหลืออีกไม่กี่นัดจะจบซีซั่น ยังยิงไม่ถึงครึ่งร้อยในลีก




เทียบสถิติ 2 นัดหลัง


นัดเสมอเวสต์บรอม 0-0 แมนฯยู มีโอกาสยิงทั้งหมด 18 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง 

นัดเสมอเอฟเวอตัน 1-1 แมนฯยู มีโอกาสยิงทั้งหมด 18 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง 

เห็นได้ว่าสร้างโอกาสได้เยอะแต่จบไม่ได้ นัดแรกไม่มี ซลาตัน นัดที่สองมี ซลาตัน ก็ไม่ได้ต่างกันเลย ยิงไม่ได้คือๆกันหมด


ปัญหาอยู่ที่แนวรุก!!


นักข่าวก็เคยถาม มูรินโญ่ ว่าทำไมไม่ใช้แท็คติดเหมือนตอนคุม รีล มาดริด ที่ยิงประตูได้เยอะ เป็นร้อยลูก มูรินโญ่ ก็ให้เหตุผลว่า แมนฯยู ชุดนี้ "ช้า" กว่า รีล มาดริด ชุดที่เขาคุมทีม

เขายังบอกอีกว่า ราชันชุดขาว เวลานั้นเอกอุไปด้วยมหาเทพในแนวรุก มีทั้ง คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ อังเคล ดิมาเรีย เมซุต โอซิล คาริม เบนเซม่า และ กอนซาโล่ อิกัวอิน ที่มีความเร็ว เล่นบอลน้อยจังหวะ 

ต่างจะแมนฯยู ยุคนี้ที่มีผู้เล่นประเภท ต้องจับบอล เงยหน้า ก็จะตัดสินใจทำอะไร อย่าง ซลาตัน ป็อกบา เอร์เรร่า คาร์ริก 


ก็จริงที่ มูรินโญ่ บอกมาว่านักเตะ ยูไนเตะในยุคเขาเชื่องช้า ซลาตัน คาร์ริก ช้าตามวัย ป็อกบา คนนี้รู้กันถ้าไม่ยึกยักสักสเต็ป บอลไม่ได้ออกจะเท้าเขาแน่ๆ เอร์เรร่า ขาดความเร็วและสกิลการเลี้ยงบอล ได้แต่จ่ายบอล อย่างเดียว


นักเตะที่มีความเร็ว อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด อ็องโตนีย์ มาร์กซิยาล เฮนริค มคิทาร์ยาน ก็ยังไปไม่ถึงระดับมหาเทพแบบนั้น


และอีกอย่างที่กลายเป็น เอกลักษณ์ ของแมนฯยูไนเต็ด ตลอด 3 ปีหลังมานี้ และกลายเป็นจุดที่ทำให้ทีมอื่นจับทางหาวิธีหยุดเกมรุก แมนฯยูไนเต็ด ได้หมด ก็คือ "การขึ้นเกมทางซ้าย"


นับตั้งแต่ หลุยส์ ฟาน กัล จับ ฮวน มาต้า ไปเล่นฝั่งขวา การขึ้นเกมรุกของแมนฯยูไปหนักทางซ้ายอย่างเดียว เพราะ ฮวน มาต้า ไม่ใช้ ปีกอาชีพ สไตล์การเล่นมักจะหักเข้าในตลอด


มาถึง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่ได้กุรีกุจอหาปีกขวาอาชีพมาช่วยให้เกมรุกหลากหลายยิ่งขึ้น ทีแรก เฮนริค มคิทาร์ยาน ทำท่าจะถูกซื้อมาเพื่อแก้ปัญหานี้ แต่ขาดความสม่ำเสมอ 


มูรินโญ่ จึงยังคงสถานะ มาต้า เป็นผู้เล่นฝั่งขวาตัวจริง!! โดยเพิ่มบทบาทให้ อันโตนิโอ วาเลนเซีย เป็น รถด่วน กรุงเทพ-เชียงใหม่ วิ่งขึ้นวิ่งลง เป็น Shadow Wing ให้ มาต้า


วาเลนเซีย แม้จะเคยเป็นปีกมาก่อนก็จริง แต่เป็นปีกที่ไม่มีเท้าซ้าย 9-10 ครั้ง วาเลนเซียต้องใช้เท้าขวาเปิดบอล คู่แข่งก็จับทางได้หมด


ดังนั้นเกมรุกจึงไปหนักทางซ้ายซะส่วนใหญ่ พอโดนคู่แข่งปิดเกมด้านซ้ายได้ แมนฯยู ไปไม่เป็นเล่นออก


จะบอกว่า แมนฯยู ยุค หลุยส์ ฟานกัล กับ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็การเล่นไม่ได้แตกต่างกันเลย มีเพียงแค่ ความเร็ว ในการขึ้นเกมที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น นอกนั้นก็เหมือนเดิม ครองบอลนาน หลายจังหวะ 


ถึงตรงนี้ มองที่ "ผลงาน" โชเซ่ มูรินโญ่ ยังทำอะไรไม่ได้ดีกว่า หลุยส์ ฟาน กัล เลย 2 ปีในยุคของกุนซือชาวดัดต์ แมนฯยูไนเต็ด ไม่เคยจบต่ำกว่าที่ 5 นะ ซีซั่นนแรกได้ที่ 4 ซีซั่นที่สองได้ที่ 5


แต่สำหรับ มูรินโญ่ ทำท่าว่าซีซั่นนี้จะหนีที่ 6 ไม่ได้ซะแล้ว ความสำเร็จ ฟาน กัล พาทีมได้แชมป์ เอฟเอคัพ ซึ่งเป็นถ้วยใหญ่กว่า ลีก คัพ ที่ มูรินโญ่ พึ่งได้กว่าหลายเท่านัก


ย้ำว่า มองแค่ตรงนี้ มูรินโญ่ ยังไม่ได้ดีกว่า ฟาน กัล แต่ถ้า มูรินโญ่ พาทีมได้ ยูโรป้า ลีก ก็อันนี้โอเค อาจจะพูดได้ว่า "ดีกว่า" เพราะ ในซีซั่นแรก ได้ไปเล่น UCL และได้แชมป์บอลถ้วย ต่างจาก ฟาน กัล ที่ได้ไปเล่น UCL อย่างเดียว


แรงกดดันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ กุนซือจอมคนชาวโปรตุกีส เขาต้องยอมทิ้งอันดับ 4 พรีเมียร์ลีกไป เพื่อรักษาโมเมนตั้มในการคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก มิเช่นนั้นแล้ว แรงกดดันจากผลงานในลีก จะส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ ยูโรป้า แน่นอน


และตอนนี้เหล่าแฟนบอลผีแดงก็เห็นตรงกันว่าการจะได้เป็นเล่น UCL นั้น การคว้าแชมป์ ยูโรป้า คัพ มี โอกาสมากกว่า การได้อันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก


อยู่ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ แล้ว เขาต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ เขาจะกลายเป็น "เสือกระดาษ" ตัวจริงเสียงจริง!!


คลิก >> 5 ผู้บริหารฟุตบอลมือทองแห่งยุค

วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560

5 สามประสานในแนวรุก ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในเวลานี้

3 ประสานในแนวรุก ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในลีกชั้นนำของยุโรปอยู่ในเวลานี้ จะมี BigThree จากทีมไหนส่งเข้าประกวด วันนี้เรามี 5 ทรีโอ ที่ ย... thumbnail 1 summary
3 ประสานในแนวรุก ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในลีกชั้นนำของยุโรปอยู่ในเวลานี้ จะมี BigThree จากทีมไหนส่งเข้าประกวด วันนี้เรามี 5 ทรีโอ ที่ยิงกระจายนับเฉพาะในลีกมากที่สุดมาให้ดูกัน


Neymar Suarez  Massi 55 ประตู


ภาพ instagram/neymarjr


บิ๊กทรี ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ฤดูกาลนี้ยิงรวมกันไปแล้ว 55 ลูก แบ่งเป็น มหาเทพสูงสุด ลิโอเนล เมสซี่ 25 ลูก เหยินทองคำ หลุยส์ ซัวเรส 22 ลูก และ เนย์มาร์ ที่ยิงไป 8 ลูก นี่ยังน้อยกว่าสถิติสูงสุดของพวกเขา 90 ลูก เมื่อซีซั่นที่แล้ว อยู่มากทีเดียว



Callejon Mertens Insigne  40 ประตู

สถานะการณ์สร้างวีรบุรุษของจริง เมื่อต้นฤดูกาล เสียทั้ง กอนซาโล่ ฮิกัวอิน ไปให้ยูเวนตุส ตัวแทนอย่าง อคาดิอุส มิลิค ก็ดันเจ็บยาวอีก แต่กลายเป็น ดรีส์ เมอร์เท่น ที่ขยับมาเป็นตัวถล่มประตูแทน ซัด 20 ลูก ตามาด้วย ลอเลนโซ่ อินซิเย่ 12 ลูก และ โฆเซ่ กาเยฆ่อน 8 ลูก


DiMaria Cavani Moura  39 ประตู

ใครๆก็คิดว่า ซลาตัน จะทิ้งช่องโหว่ไว้ให้กับทีมเมืองหลวงแห่งปารีส แต่เปล่าเลยเมื่อ เอดิสัน คาวานี่ โชว์ฟอร์ม จนทำให้แฟนๆแทบลืมไปเลยว่าเคยมี ซลาตัน โดยกองหน้าอุรุกวัย กดมิดด้าม 27 ลูก ตามมาด้วย ลูคัส มูร่า 9 ลูก และน้องใหม่อย่าง จูเลี่ยน ดรักเลอร์ 3 ลูก


Perotti Ezeko Salah  38 ประตู

เกมรุกของ หมาป่า โรม่า จัดจ้านเหลือเกินในฤดูกาลนี้ ยิงเยอะที่สุดในลีก โดยยิงไปถึง 64 ลูกแล้วในเวลานี้  มาจาก เอดิน เซโก้  21 ลูก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 10 ลูก และ ดีเอโก้ แปร็อตติ 7 ลูก ยิงกันกระจายจนพาโรม่าคั่วแชมป์กับยูเวนตุสอยู่ ณ ตอนนี้


Son Kane Eriksen 32 ประตู


ทรีโอ เบอร์1 ของพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ นำโดย จ้าวพายุเฮอร์ริเคน แฮร์รี่ เคน ที่ซัดไปแล้ว 19 ลูกในลีก ตามาด้วย ซอน เฮือง มิน 7 ลูก และ คริสเตียน อิริคเซ่น 6 ลูก และจาก 55 ประตูในลีกของสเปอร์ สามคนนี้ก็เอาไปแล้วเกินครึ่ง


คลิก >> 5 นักเตะที่มีโอกาสทุบสถิติค่าตัวสูงสุดในซัมเมอร์นี้