การปล่อย มิดฟิลด์ คนสำคัญออกจากทีม เป็นเรื่องที่ช็อคแฟนบอลอยู่แล้ว แต่นี่กล้าขายให้กับทีมคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง แมนฯยูไนเต็ด คำถามคือ บอร์ดบริหารคิดอะไรกันอยู่
ตายไลน์แผงอำนาจของทีม ผู้กุมอำนาจตัวจริง อย่างที่เรารู้กัน คือ "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช
ตำแหน่งของเสี่ย ตามเว็บไซต์ของสโมสร คือ เจ้าของ บริษัท ฟอร์ดสแตม จำกัด ที่เป็นบริษัทแม่ของ บริษัท เชลซี เอฟซี จำกัด ที่เป็นเจ้าสโมสรเชลซีอีกที่
บริษัท เชลซี เอฟซี จำกัด หรือก็คือ สโมสรเชลซี นั่นแหละ มี บรูซ บัค เป็นประธานบริหาร และมีกรรมการบริหารอีก 2 คน ยูจีน เทนเนนบาม มาริน่า กรานอฟสไกอา และเลขาสโมสร เดวิด เบนนาร์ด
ตามรายชื่อที่มี ผู้กุมอำนาจกำหนดทิศทางเชลซี มีอยู่ 5 คน ที่มีสิทธิ์มีเสียงในการโหวตต่างๆ
ใต้แผงอำนาจ 5 เสือสิงห์บลู ผู้เป็นคนคอยประสานระหว่าง ระดับสั่งการ กับ ระดับปฎิบัติการ คือ ไมเคิล เอมเมนาโล ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ที่เป็นคนคอยป้อนข้อมูลต่างๆให้เบื้องบนตัดสินใจ
คราวๆ สำหรับโครงสร้างอำนาจของเชลซี ที่นี้เรากลับเข้าเรื่อง ทำไมเชลซี กล้าขาย มาติช ?
การตัดสินใจ ซื้อ-ขายนักเตะ เห็นชัดแจ่มแจ้งว่า "ผู้จัดการทีมไม่ได้มีอำนาจเต็ม" เพราะว่าเราพึ่งได้เห็น อันโตนิโอ คอนเต้ ออกมาบอกกลายๆว่า "ผมไม่ได้เป็นคนขาย บอร์ดเป็นคนขาย"
การตัดสินใจซื้อ-ขาย อยู่ในมือของ ผู้อำนายการฝ่ายเทคนิค ไมเคิล เอมเมนาโล หลังจากที่เขาวิเคราะห์ ข้อดี-เสียของนักเตะได้แล้ว ก็จะรายงานให้เบื้องบน โรมัน อบราโมวิช ตัดสินใจขั้นสุดท้ายอีกที ก่อนที่ส่งให้ มาริน่า กรานอฟสไกอา ที่เป็นคนดีลเรื่องราคานักเตะ
สำหรับ เนมานย่า มาติช เป็นข่าวกับ แมนฯยูไนเต็ด มาตั้งแต่ เปิดซีซั่น ตามพล็อตเรื่องที่ว่า เชลซี สนใจ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ กองกลางโมนาโก ถ้าเชลซีได้ตัวมา ก็จะปล่อย มาติช ให้แมนฯยูไนเต็ด
และเรื่องราวก็ดำเนินตามพล็อตมาแป๊ะ ๆ เชลซีได้ บากาโยโก้ และปล่อย มาติช มา แมนฯยูไนเต็ด
แชมป์ลีก 2 ครั้งหลังสุดของ เชลซี นั้นเป็นผลมาจากการมี เนมานย่า มาติช บัญชาการแผงกองกลาง เขาคือคีย์แมนคนสำคัญของทีม
แชมป์ลีก 2 ครั้งหลังสุดของ เชลซี นั้นเป็นผลมาจากการมี เนมานย่า มาติช บัญชาการแผงกองกลาง เขาคือคีย์แมนคนสำคัญของทีม
ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ทีมต้องขายเขาทิ้ง ได้ราคา 40 ล้านปอนด์ก็จริง แต่ เชลซี ก็ไม่ได้ร้อนเงินถึงขนาดนั้น อายุก็ 29 ปียังช่วยทีมได้อีกหลายอยู่
มีเงื่อนงำซับซ้อนสำหรับ ดีลนี้ ถ้าจะเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆเข้าด้วยกัน จากที่ เนมานย่า มาติช ต้องไปใส่เสื้อสีแดง อาจจะเป็นเพราะ การขัดแย้งกันของผู้มีอำนาจอย่าง ไมเคิล เอมเมนาโล กับ อันโตนิโอ คอนเต้
"ที่เริ่มมาจาก ดีเอโก้ คอสต้า...
เดอะ บีสต์" ดีเอโก้ คอสต้า ได้รับข้อความบอกเลิก ผ่าน SMS จาก อันโตนิโอ คอนเต้ ทำให้ ดีเอโก้ คอสต้า ดาวยิงสุดห้าว กลายเป็นส่วนเกินของทีม
แต่ทว่า ไมเคิล เอมเมนาโล ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคจอมล้วงลูก อาจไม่ด้วย เขาอาจจะคิดว่า เดอะ บีสต์ ยังมีประโยชน์กับเชลซี ไม่สมควรที่จะถูกขายทิ้ง เพราะฤดูกาลล่าสุดที่ได้แชมป์ ตามสถิติ คอสต้า ยิงประชัยให้ทีมถึง 10 นัด ถ้าไม่มีเขา แต้มเชลซีจะหายไปถึง 30 แต้ม
ว่าแล้ว ไมเคิล เอมเมนาโล ก็เลยดึงเช็ง ไม่แทงเรื่อง โรเมลู่ ลูกากู ตามคำขอของกุนซือชาวอิตาลี เพื่อให้เปลี่ยนใจในภายหลัง
แต่ คอนเต้ เองที่ยืนยันหยักแน่นว่า คอสต้า ไม่อยู่ในแผนการอีกต่อไป เบื้องบนจึงทำอะไรไม่ได้ เลยต้องเดินเครื่องไปคว้า อัลบาโร่ โมราต้า มาแทน
ไมเคิล เอมเมนาโล เองก็ไม่ยอม เมื่อเซ็น ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ มาได้แล้ว ก็สบช่องดีล วิน-วิน 40 ล้านปอนด์ แลก เนมานย่า มาติช เป็นการดัดหลัง อันโตนิโอ คอนเต้
ทีมได้เงิน 40 ล้านกับนักเตะอายุ 29 ปี แฟนบอลก็ต่อว่าได้ไม่เต็มปากล่ะ แท็กติก ให้ คอนเต้ ไปหาทางจัดการเอาเอง
และเมื่อดูจากขนาดทีมในเวลานี้ ต้องบอกว่า เชลซี นั้นเล็กที่สุดในบรรดาทีมลุ้นแชมป์ด้วยกัน ยิ่งซีซั่นนี้มี 4 ถ้วยให้เล่นด้วยแล้ว ปัญหาต้องมีตามาแน่
อันโตนิโอ คอนเต้ คงได้แต่อธิฐานภาวนาให้ บอร์ดบริหารเห็นถึงปัญหาในจุดนี้ ซึ่งจากนี้น่าจะมีการขยับเขยื้อน บ้างล่ะ เพราะ เชลซีพึ่งแพ้คาบ้านต่อ เบิร์นลีย์ 2-3 ......